บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการค้าปลีกที่มาอายุเก่าแก่ยาวนาน เพราะหากนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นธุรกิจจนถึงวันนี้ก็ครบ 60 ปี ซึ่งตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ มีการพัฒนาศูนย์การค้า ร้านค้าปลีก และโครงการอสังหาริมทรัพย์มาอย่างมากมาย โดยแต่ละโครงการก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จที่ได้รับตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา
วันนี้ สยามพิวรรธน์ ได้ออกมาประกาศยุทศาสตร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเตรียมเทงบลงทุนสูงถึง 75,000 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในอีก 5 ปีนับจากนี้ โดยรูปแบบการทำธุรกิจที่เปลี่ยน คือ จะเน้นการสร้างเมืองมากกว่าการทำศูนย์การค้าเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ก็เพื่อพาองค์กรก้าวสู่รายได้ 51,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปี หรือมีอัตราการเติบโตประมาณ 1-1.5 เท่าจากปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 25,500 ล้านบาท
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการสร้างต้นแบบ และนำมาตรฐานใหม่ๆ มาพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ด้วยสร้างปรากฎการณ์ปฏิวัติวงการให้เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากการเปลี่ยนสยามเซ็นเตอร์ ให้กลายเป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ การปรับโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางรูปแบบไฮบริดรีเทล จนได้รับรางวัลชนะเลิศจากทั้งวงการศูนย์การค้าและการค้าปลีกของโลก
และล่าสุดการเปิดอภิมหาโครงการเมืองไอคอนสยาม ที่เป็นกระแสร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2561 ที่องค์กรและสมาคมสำคัญในวงการค้าปลีกและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศได้ยกย่องให้เป็นโครงการต้นแบบของ Creative Innovation ที่ผสานเรื่องราวของ Art-Culture เข้ากับ Retail และ Entertainment อย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นโครงการที่พลิกเกมส์ครั้งยิ่งใหญ่ (Game Changing) ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับ แสดงให้เห็นว่า สยามพิวรรธน์ สามารถเอาชนะความท้าทายทุกประเภท ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้
นางชฎาทิพ กล่าวต่อว่า วันนี้ “สยามพิวรรธน์ “ ได้ก้าวข้ามการแข่งขันในประเทศ สู่การเป็น “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) ที่จะผนึกกำลังคนไทยทุกระดับชูความสามารถ และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่เป็นคนแรก และสร้างมหาปรากฎการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน นำพาเกียรติยศและการยอมรับบนเวทีโลกมาสู่คนไทย
ทั้งนี้ เพื่อยอกย้ำความสำเร็จ และก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ในอีก 5 ปีนับจากนี้ สยามพิวรรธน์ ได้มีการวาง 6 กลยุทธ์สำคัญที่ในการขับเคลื่อนธุรกิจดังนี้ 1.การเดินหน้าสร้างมหาปรากฏการณ์ โครงการระดับโลกทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดจากความสำเร็จของ วันสยาม และไอคอนสยาม ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมือง โครงการที่สยามพิวรรธน์สร้างขึ้นจะต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องปฏิวัติวงการค้าปลีก (Retail revolution) และต้องเป็นโครงการที่สร้างสรรค์โดยเฉพาะ(Tailor made) ซึ่งความสำเร็จในทุกโครงการที่ผ่านมา ทำให้สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการในต่างประเทศให้ไปร่วมลงทุน หรือเป็นที่ปรึกษาในการทำโครงการ โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบและคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่เหนือความคาดหมาย
2.ผนึกกำลังพันธมิตรแถวหน้าระดับโลก ร่วมพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย และเลือกที่จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจและร่วมลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ไปกับ สยามพิวรรธน์ โดยเมื่อปี 2561 สยามพิวรรธน์ ได้ประกาศการลงทุนร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลกจากอเมริกา มีกำหนดการที่จะเปิด Luxury Premium Outlets แห่งแรกในประเทศไทยในปลายปีนี้ และขยายเพิ่มไปนอกกรุงเทพฯ อีก 2 แห่ง
3. ลงทุนธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก สยามพิวรรธน์ มีความสนใจที่จะลงทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในธุรกิจอื่น และขยายธุรกิจค้าปลีก ที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักเพื่อเสริมศักยภาพของสยามพิวรรธน์ เช่น การซื้ออาคารสำนักงาน กิจการจัดส่งสินค้า (logistics) รวมไปถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ
4. เปิดตัวระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการบริหารจัดการข้อมูล ที่ได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี สร้างความแตกต่างแต่โดนใจ เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการทำงานที่คำนึงถึงความต้องการและความสนใจของลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centric) สยามพิวรรธน์ มีความมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดมาพัฒนาระบบการทำงาน ตั้งแต่ การศึกษาความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการออกแบบการสร้างประสบการณ์ (customer journey) การให้บริการ และการส่งเสริมการขายให้ตรงความต้องการของลูกค้าในแต่ละบุคคลมากที่สุด
5. กลยุทธ์การสร้างคุณค่า สมประโยชน์ร่วมกันสู่ความยั่งยืน จับมือผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศพร้อมแข่งขันบนเวทีโลก ปั้น Local Heroes ให้เป็น Global Heroes สยามพิวรรธน์ ยังคงยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยการสร้างแบบอย่างการดำเนินธุรกิจ คือ การร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และ การสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักในการพัฒนาทุกโครงการของสยามพิวรรธน์ตลอดมา
และ 6 กลยุทธ์สุดท้าย จะเป็นการพัฒนาสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) และการสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่โตอย่างก้าวกระโดด จาก 15 บริษัท เป็น 46 บริษัท ภายใน 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ ได้มีแผนปรับโครงสร้างบริหารและพัฒนาองค์กร โดยสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader ปั้นคนรุ่นใหม่เสริมทัพผู้บริหาร เพื่อขับเคลื่อนองค์กร ควบคู่ไปกับการสร้างหน่วยงาน Think Tank ที่ได้ทำงานร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้บริหารระดับสูงที่มากด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว สยามพิวรรธน์ มั่นใจว่าในอีก 5 ปีนับจากนี้ จะก้าวไปสู่เป้าหมายรายได้กว่า 5 หมื่นล้านบาท ตามที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
.jpg)
.jpg)
ข่าวเด่น