การตลาด
สกู๊ป"เอสิคซ์"ปลุกกลยุทธ์มัลติแบรนด์ย้ำผู้นำเทคโนโลยีรองเท้าวิ่ง


จากแนวโน้มของนักวิ่งไทยที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รองเท้าวิ่งมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีตามไปด้วย โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้จากสถิติตัวเลขนักวิ่งในไทยของสถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดลระบุว่าในปี 2560 มีนักวิ่งไทยอยู่ที่กว่า15ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีอยู่ประมาณ12ล้านคน และหากนำมาเปรียบเทียบกับปี 2545 ที่มีนักวิ่งไทยเพียง 4.8 ล้านคนเท่านั้น


 
 
 
 
เหตุผลที่ทำให้นักวิ่งไทยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยหลักน่าจะมาจากคนไทยหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันมีการจัดงานวิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเห็นได้จากปี 2561 ที่ผ่านมามีการจัดงานวิ่งมาราธอนมากถึง 990 รายการ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีการจัดงาน 696 รายการ และเพิ่มจากปี 2559 ที่มีการจัดงานวิ่งมาราธอนเพียง 471 รายการ

แนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ตลาดรองเท้าวิ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวค่อนข้างดีเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดรองเท้าวิ่งมีการขยายตัวในทิศทางที่ดี นอกจากคนไทยจะหันมาให้ความสนใจกีฬาวิ่งมากขึ้นแล้ว การที่ผู้ประกอบการในธุรกิจออกมาพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดรองเท้าวิ่งมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

 
 
 
นายวโรดม พรานบุญปลูก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสิคซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารรองเท้าแบรนด์ เอสิคซ์ (ASICS) ฃและโอนิสุกะไทเกอร์ในประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันตลาดรวมรองเท้าในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทในมูลค่าดังกล่าวตลาดที่มีการขยายตัวในทิศทางที่ดี คือ เซ็กเมนต์รองเท้าวิ่งเพราะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตในระดับ 2 หลักมาโดยตลอดเนื่องจากคนไทยหันมาวิ่งออกกำลังกายกันมากขึ้นเพื่อรักษาสุขภาพ

นอกจากนี้การที่รองเท้ากีฬากับรองเท้าแฟชั่นเริ่มมีความผสมผสานกันมากขึ้น จึงทำให้คนไทยหันมาซื้อรองเท้ากีฬา เพื่อใส่วิ่งและทำงานกันมากขึ้น ซึ่งในส่วนของรองเท้าเอสิคซ์ เองก็ได้มีการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในแง่ยอดขายและเทคโนโลยีในตลาดรองเท้าวิ่งของประเทศไทยและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 นี้ เอสิคซ์ได้ทำการเปิดตัวรองเท้า METARIDE™รองเท้าวิ่งรุ่นใหม่สุดยอดนวัตกรรมจากASICSและเป็นคู่แรกของซีรีส์ใหม่อย่าง 'RIDE'ที่ใช้ระยะเวลาการพัฒนากว่า 2 ปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์และนักออกแบบจากสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาของเอสิคซ์ นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญกับจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้การวิ่งระยะไกลง่ายขึ้นและช่วยให้เหล่านักวิ่งพิชิตการวิ่งระยะไกลได้สำเร็จ ซึ่งการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในครั้งนี้นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะครองใจ และดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจในแบรนด์

นอกจากนี้เอสิคซ์ยังมีแผนเชิงรุกด้วยการปรับรูปแบบช่องทางการขายจาก single brand เป็น multi brand เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายและเข้าถึงลูกค้าได้กว้างมากขึ้น โดยสาขาแรกที่ เอสิคซ์ ได้ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นการทดลองตลาด คือ ไอคอนสยาม โดยการเปิดร้านภายใต้ชื่อ เอสิคซ์ ไอคอนสยาม (ASICS ICONSIAM) ถือเป็นสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมีบนพื้นที่กว่า 249 ตร.ม. และเป็นสโตร์แห่งแรกในประเทศไทยที่รวบรวมแบรนด์ เอสิคซ์ (ASICS) และเอสิคซ์ไทเกอร์ (ASICSTIGER) เข้าไว้ด้วยกันภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘A Sound Mind in a Sound Body’ นับเป็นอีกหนึ่ง Touch Point สำคัญของแบรนด์ที่ลูกค้าจะได้มาเลือกสรรสินค้าที่หลากหลายและครบครันในสโตร์แห่งนี้

นายวโรดม กล่าวว่าเป้าหมายของบริษัทที่เพิ่งจัดตั้งดำเนินกิจการในไทยมา 2 ปีเศษ คือในแต่ละปีจะต้องมีการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20-30% ในช่วง 5ปีนับจากนี้ ซึ่ง 2ปีที่ผ่านมาถือว่าผลงานใกล้เคียงตามที่คาดหวัง แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายมากนักซึ่งจะต้องทำการตลาดอีกมาก ทั้งการสร้างแบรนด์สินค้า การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์และการจัดอีเวนต์เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักและเข้าถึงแบรนด์เอสิคซ์มากขึ้น ซึ่งการทำตลาดดังกล่าวบริษัทได้เตรียมงบไว้ 9% ของยอดขายรวม

ส่วนแผนการขยายสาขาร้านเอสิคซ์ในปี 2562นี้จะเปิดชอปใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 4 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 3 สาขา และต่างจังหวัด 1 สาขา เน้นทำเลในศูนย์การค้าเป็นหลัก จากปัจจุบันที่มี 10 สาขา โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาเปิดไป 4 สาขาคือที่ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล พัทยา,ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่าเชียงใหม่ และศูนย์การค้าไอคอนสยาม

 
 
 
 
ขณะเดียวกันเอสิคซ์ยังมีแผนที่จะรีโนเวทสาขาเดิมให้มีความทันสมัยและปรับคอนเซ็ปต์ให้เป็น ‘A Sound Mind in a Sound Body’ อีก 3 สาขาในปีนี้ ส่วนแบรนด์ โอนิสุกะไทเกอร์จะเปิดประมาณใกล้เคียงกันจากปัจจุบันมี 16 สาขา พร้อมการขยายเคาน์เตอร์แบรนด์ในช่องทางห้างสรรพสินค้าอีกทั้งสองแบรนด์เพิ่มด้วย

นอกจากจะขยายช่องทางขายหน้าร้านแล้ว เอสิคซ์ ยังมีแผนที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายสู่อีคอมเมิร์ซผ่านเว็บไซต์ www.asics.com โดยจะเริ่มเปิดตัวในวันที่ 24 เม.ย. นี้ ซึ่งภายในเว็บไซต์ดังกล่าวจะมีสินค้าทั้งในส่วนของเอสิคซ์ และไทเกอร์ จำหน่ายรวมกันกว่า 1,000 รายการ มากกว่าจำหน่ายหน้าร้านที่มีอยู่ประมาณ 1,000 รายการ โดยในปีแรกของการทำตลาดผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซคาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ประมาณ 15%

ปัจจุบันเอสิคซ์ มีสัดส่วนยอดขายรองเท้าอยู่ที่ประมาณ 80% ตามด้วยเสื้อผ้า 15% และแอสเซสซอรี่ 5% ซึ่งในอนาคตคาดว่าสัดส่วนยอดขายรองเท้าจะปรับลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 65% เนื่องจากบริษัทต้องการเพิ่มรายได้ในส่วนของเสื้อผ้าให้เพิ่มเป็น 25% และแอสเซสซอรี่ 10% เหมือนกับยอดขายในตลาดต่างประเทศ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 เม.ย. 2562 เวลา : 17:38:28
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 8:16 am