การเปลี่ยนแปลงจากทางด้านเทคโนโลยีหรือDigital Disruptionไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านของวิธีการทำธุรกิจและกระบวนการผลิตเท่านั้นแต่ยังส่งผลไปถึงระบบเศรษฐกิจ สังคมและพฤติกรรมของผู้บริโภคอีกด้วย เห็นได้จากการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนชีวิตจะมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทั้งสิ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้เทคโนโลยีกลายไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภคไปเรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องหันมาปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้ซื้ออาหารรับประทานที่หน้าร้านเท่านั้นแต่สามารถซื้ออาหารรับประทานได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยเหตุนี้เองผู้ประกอบการร้านอาหารจึงต้องหันมาต่อยอดธุรกิจและลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจไปในตัว ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดในรูปแบบ“ฟู้ดเดลิเวอรี่”มากขึ้น
ตลอดระยะเวลา3-5ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทและสร้างผลกระทบทั้งในด้านการสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าในตลาด ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารต้องก้าวผ่านไปให้ได้และเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น คือการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร(Food Delivery Application)เนื่องจากตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา(2557–2561)ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ10% สูงกว่าการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารโดยรวมที่มีการขยายตัวเฉลี่ยที่ประมาณ 3-4% ต่อปีเท่านั้น
จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกมาคาดการณ์ว่าธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ในปี2562จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 33,000–35,000 ล้านบาทหรือเติบโตประมาณ14% เมื่อเทียบกับปี 2561ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทเท่านั้น
แอพพลิเคชั่นGET (เก็ท) แอพพลิเคชั่นที่ให้บริการเรียกรถ รับส่งพัสดุ ส่งอาหารและบริการออนดีมานด์อื่นๆถือเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่เล็งเห็นโอกาสการขยายตัวดังกล่าว ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นGET FOOD (เก็ทฟู้ด) เข้ามาทำตลาด เพื่อเอาใจคนกรุงเทพฯที่ชื่นชอบความสะดวกสบายกับบริการส่งอาหารและล่าสุดได้มีการจัดเต็มโปรโมชั่นสุดร้อนแรง ด้วยการคืนกำไรให้ลูกค้ากับดีลเด็ดเมนูดังจากร้านอาหารเจ้าเด็ดทั้งคาวและหวานที่ตบเท้าเข้าร่วมรายการ ลดสูงสุด50 - 70% หรือ ซื้อ1แถม1 เช่น ชา บาร์ (CHA BAR) โอชายะ (Ochaya) โนบิชา (Nobicha) อินาริ (Inari Izakaya) และตำแหลก เป็นต้น
นอกจากนี้ในส่วนของผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารเองก็ออกมาเปิดตัวแอพพลิเคชั่น เพื่อขยายช่องทางขายด้วยเช่นกันเริ่มจากบริษัทเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)ที่ออกมาเปิดตัวแอปพลิเคชั่น 1112Delivery เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านอาหารในเครือจำนวน7 แบรนด์ ประกอบด้วย The Pizza Company, Sizzler, Dairy Queen, Swensens, The Coffee Club, Burger King และThai Express เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและผู้บริโภคในปัจจุบันที่เน้นการสั่งสะดวกและคุณภาพอาหาร
สำหรับแบรนด์ที่ไมเนอร์จะใช้เป็นหัวหอกหลักในการทำตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ คือThe Pizza Company เนื่องจากปัจจุบันร้านอาหารที่มีจำนวนสาขาและมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังจะผลักดันอีก2แบรนด์ คือ Sizzler และ The Coffee Club เป็นแม่ทัพรองในการขับเคลื่อนธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่
ในส่วนของทำเลที่ไมเนอร์จะใช้นำร่องในการให้บริการจัดส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่น 1112Delivery คือกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งหลังจากเริ่มทดลองทำการตลาดไปเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาพบว่าได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ส่งผลให้ไมเนอร์มีแผนที่จะขยายบริการให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของไทยภายในกลางปี 2562นี้ โดยหัวเมืองที่ให้ความสนใจจะเข้าไปทำตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ คือ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยาและนครราชสีมา
นายพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าการเปิดตัวแอปพลิเคชั่น 1112Delivery ในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของบริษัท ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจเดลิวอรี่เจ้าแรกของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2532 ด้วยประสบการณ์ 3 ทศวรรษในธุรกิจเดลิเวอรี่ทำให้บริษัทมั่นใจว่าสิ้นปี 2562 นี้จะดันยอดขายฟู้ดเดลิเวอรี่เติบโตจากปกติไม่ต่ำกว่า 50%
ด้านบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัดหรือ ซีอาร์จี ก็ออกมางัดกลยุทธ์ Transform from Operator to Innovatorเร่งผลักดันรายได้ให้มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยการเดินหน้ารุกบริการ Multi-brand Delivery เต็มรูปแบบต่อยอดคอลเซ็นเตอร์ “1312” สู่ช่องทาง Omni Channel โดยการเปิดตัสแอพพลิเคชั่น “CRG 1312” สั่งอาหาร จองร้าน เบ็ดเสร็จในแอพเดียว
นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายการตลาด ซีอาร์จี กล่าวว่าในปีนี้บริษัทจะรุกขยายบริการMulti-brand Deliveryเต็มรูปแบบ หลังเปิดตัวบริการใหม่“1312สั่งครั้งเดียว อร่อยหลายร้าน”จัดส่งมื้ออร่อยให้ลูกค้าจากแบรนด์ร้านอาหารในเครือซีอาร์จีทั้ง 11 แบรนด์ ในการสั่งอาหารเพียงครั้งเดียวและจ่ายค่าบริการจัดส่งเพียงครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การขายที่เหนือคู่แข่งในตลาด โดยปีนี้จะขยายเข้าสู่ช่องทางการทำตลาดสู่ Omni Channel ให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากร้านอาหาร ทั้งกลุ่มซีอาร์จี รวมถึงการจองร้านอาหาร และออเดอร์ต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น “CRG 1312”
ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาฟอร์แมทใหม่ที่เรียกว่า Online Virtual Stores รวมแบรนด์ร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดชื่อดัง เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสร้างความแตกต่างในตลาด โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านแอพลิเคชั่นได้ ละเตรียมเปิดแพลตฟอร์มใหม่ Hub Modelเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการดีลิเวอรี่ สร้างจุดแข็ง ตอบรับตลาดเดลิเวอรี่ที่เติบโตสูงมากในขณะนี้
จากการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “CRG 1312” ในครั้งนี้ ซีอาร์จีมั่นใจว่าสิ้นปี 2562 นี้จะมียอดขายจากฟู้ดเดลิเวอรี่อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561ที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท
นอกจากผู้ประกอบการทั้ง3รายแล้ว ปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่อีกหลายรายไม่ว่าจะเป็นฟู้ดแพนด้า(foodpanda)ไลน์แมน (LINE MAN) หรือ ฮอนเนสบี (honestbee)จากบริการที่หลากหลายดังกล่าวนอกจากร้านอาหารขนาดใหญ่จะได้รับอานิสงส์แล้วร้านอาหารขนาดเล็กยังได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
ข่าวเด่น