จากการขยายตัวของเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง10 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายหน่วยงานเริ่มออกมาเตรียมแผนการรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง"เมือง" ระบุว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหาการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมือง ซึ่งภายในปี 2573 จะมีจำนวนประชากรในเมืองเพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านคน
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้เมืองขนาดกลางและขนาดเล็กมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดตามไปด้วย จากปัจจัยดังกล่าวทำให้หลายหน่วยงานต้องมีแผนในการปรับตัวและรับมือ โดยเฉพาะเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกันในส่วนของภาคธุรกิจเองก็ต้องเตรียมปรับตัวในด้านของสินค้าและบริการ เช่นเดียวกับภาคธุรกิจค้าปลีก
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่าภายในปี พ.ศ. 2573 คาดว่า 58%ของประชากรไทยจะอาศัยอยู่ในเมืองเพิ่มจาก 50% ในปัจจุบัน ดังนั้นเทสโก้ โลตัสจำเป็นจะต้องปรับรูปแบบค้าปลีกใหม่ ด้วยการสร้างจุดยืนที่แตกต่างทั้งในด้านของสินค้าและช่องทางการขาย รวมไปถึงการเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มเติมควบคู่ไปกับการปรับร้านค้าขนาดเล็กที่มีอยู่ให้เป็นร้านค้าโฉมใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าสังคมเมืองได้ดีกว่าเดิม
นอกจากนี้ในส่วนของสาขาขนาดใหญ่ก็จะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่และสินค้าที่วางจำหน่ายควบคู่ไปกับการพัฒนาประสบการณ์แบบออมนิแชนแนลอย่างแท้จริง เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น เพราะการเติบโตของสังคมเมืองทำให้ลูกค้ามองหาความสะดวกสบายและประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี ในขณะเดียวกันก็ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพและความคุ้มค่า
ความต้องการที่เกิดขึ้นดังกล่าว เทสโก้ โลตัส จึงให้ความสำคัญกับการมอบความสะดวกสบาย เช่น ปรับเปลี่ยนพื้นที่จำหน่ายสินค้าภายในพื้นที่ไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้การจับจ่ายเป็นไปด้วยความสะดวกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อช่วยให้การช้อปปิ้งและชำระเงินง่ายขึ้น พร้อมเชื่อมต่อทุกช่องทางผ่านแพลทฟอร์มดิจิทัลให้เป็นออมนิแชนแนล
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่าจุดแข็งของเทสโก้ โลตัส คือสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้ สิ่งเหล่านี้บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญต่อไป โดยในส่วนของสินค้าอาหารสดและสินค้าแบรนด์เทสโก้จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างจุดยืนที่แตกต่างให้กับแบรนด์ ด้วยการให้ความสำคัญกับการซื้อผลิตผลโดยตรงจากเกษตรกรและพัฒนาเอสเอ็มอีให้เป็นผู้ผลิตสินค้าแบรนด์เทสโก้ เพื่อส่งต่อสินค้าคุณภาพสูง มีความยั่งยืน ในราคาที่เอื้อมถึงได้ให้กับลูกค้า
สำหรับฟอร์แมตร้านที่บริษัทจะให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเป็นแบรนด์แรก คือ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ส่วนรูปแบบของการบริการยังคงเหมือนคือ สด ง่ายและตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน โดยที่ผ่านมาได้มีการทดลองเปิดร้านเอ็กซ์
เพรสรูปโฉมใหม่ไปแล้ว 30 สาขา และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า เนื่องจากเป็นการนำจุดแข็งของเทสโก้ โลตัส คือ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงอาหารสด สำหรับซื้อไปใช้และรับประทานที่บ้าน ขณะเดียวกันยังได้มีการปรับปรุงอาหารพร้อมรับประทานให้มีความหลากหลายและมีรสชาติอร่อยมากขึ้น
ส่วนแผนการขยายสาขาร้ายเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรสนั้น เทสโก้ โลตัส ยังคงเดินหน้าเปิดร้านใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในอีก 3 ปีนับจากนี้ คาดว่าจะเปิดร้านเอ็กซ์เพรสรูปแบบใหม่เพิ่มอีก 750 สาขา ควบคู่ไปกับการปรับปรุงสาขาเดิมให้เป็นรูปแบบใหม่ ส่วนสาขาขนาดใหญ่ ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปแล้ว 20 สาขา ส่วนธุรกิจออนไลน์ก็จะมีการขยายพื้นที่ให้บริการมากขึ้น ทั้งทางช่องทางของเทสโก้ โลตัสเองและออนไลน์มาร์เก็ตเพลสชั้นนำของประเทศ
นายสมพงษ์ กล่าวว่ากลุ่มเทสโก้โลตัสยังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจมีขนาดใหญ่รองจากในสหราชอาณาจักร ดังนั้นบริษัทจึงจะเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย
ในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาดนับจากนี้ เทสโก้ โลตัสจะเน้นไปที่ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. นำเสนอบริการที่เรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโมเดลรูปแบบร้านค้าให้เหมาะสมกับพื้นที่ การใช้เทคโนโลยีช่วยให้การช้อปปิ้งง่ายขึ้นและเชื่อมโยงบริการแบบออมนิแชนเนล 2. สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งใน 2 ส่วนหลัก คือ สินค้าและแชนเนล 3. โอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภค ด้วยการเพิ่มช่องทางบริการใหม่ๆ โดยเฉพาะออนไลน์
ปัจจุบันเทสโก้ โลตัส มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งหมดประมาณ 2,000 สาขา แบ่งเป็น เทสโก้ เอ็กซ์เพรส 1,500 สาขาและขนาดใหญ่ 500 สาขา โดยในส่วนของการขยายสาขานั้น หลังจากนี้โมเดลขนาดใหญ่จะเปิดใหม่น้อยลง หรือในปีนี้จะเปิดใหม่เพียง 3 สาขา ตอนนี้เปิดแล้ว 2 สาขา ปลายปีจะเปิดอีก 1 สาขา แต่จะเน้นไซส์เล็กแทนตามการขยายตัวคนเมือง ซึ่งสาขาขนาดใหญ่ที่มีอยู่ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปแล้ว 20 สาขา
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่าโมเดลใหม่ของเทสโก้ เอ็กซ์เพรส ได้มีการปรับปรุงจากสาขาเดิมแล้ว 30 สาขา เน้นพื้นที่สังคมเมืองเป็นหลัก ใน 3 ปีจะพยายามปรับปรุงให้ครบทั้ง 1,500 สาขา รวมถึงการเปิดเพิ่มอีก 750 สาขา ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งในส่วนของการลงทุนเปิดร้านเทสโก้ เอ็กซ์เพรสนั้นจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ล้านบาทต่อสาขา ขึ้นอยู่กับพื้นที่และทำเล ซึ่งการที่บริษัทออกมาประกาศว่าจะใช้เปิดเทสโก้ เอ็กซ์เพรสอีก 750 สาขา เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมต่ำกว่า 4,000-7,500 ล้านบาท
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวทำให้อีก 3 ปีนับจากนี้ เทสโก้ โลตัส จะต้องขยายร้านเทสโก้ เอ็กซ์เพรส เพิ่มขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 250 สาขา เพิ่มขึ้นจากเดิมที่จะขยายสาขาปีละประมาณ 30-50 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาจะชูความเป็นทูเดย์ คอนวีเนียนสโตร์ โดยการนำสินค้ารูปแบบ for now เข้ามาจำหน่ายเพิ่ม 200-300 รายการ เช่น อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องกดน้ำอัดลม กาแฟสด ไอศกรีม ป็อปคอร์น และสินค้าไซส์เล็กที่พร้อมใช้งาน เป็นต้น จากเดิมที่มีสินค้า for later หรือสินค้าไซส์ใหญ่และเฟรชฟู้ด ที่เป็นจุดแข็งของเทสโก้ โลตัส จำหน่ายอยู่แล้วประมาณ 3,000 รายการ
หลังจากปรับแผนการดำเนินงานดังกล่าว เทสโก้ โลตัส มั่นใจว่าสิ้นปีบัญชี 2562 นี้น่าจะมีรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าการแข่งขันของธุรกิจในประเทศไทยจะมีความรุนแรง
ข่าวเด่น