การตลาด
สกู๊ป "ส.ขอนแก่น"ปรับภาพลักษณ์รอบ 35 ปี ลุยผนึกพันธมิตรปลุกฐานนิวเจน


การแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจอาหารแปรรูปที่นับวันจะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ต้องออกมาประกาศปรับภาพลักษณ์สินค้าครั้งใหญ่ในรอบ 35 ปี เพราะจากการสำรวจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายล่าสุดพบว่ากลุ่มลูกค้าที่มีอายุต่ำกว่า18 ปี มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ส.ขอนแก่นจึงต้องออกมาปรับแผนการทำตลาดใหม่ทั้งหมด เริ่มจากการปรับภาพลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์หรือโลโก้ ให้มีความทันสมัยตรงกับความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งปี 2562นี้ ส.ขอนแก่นจะให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น                

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจร้านอาหารที่วัยรุ่นให้ความสนใจ เพื่อทำกิจกรรมการตลาดร่วมกัน เนื่องจากปัจจุบันการทำธุรกิจโดยไม่มีพันธมิตรประสบความสำเร็จค่อนข้างยาก  เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก
                
 
 
 
นายจรัสภล รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงาน คิวเอสอาร์และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสื่อสารการตลาด บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าแผนดำเนินธุรกิจปี2562นี้ บริษัทจะเน้นทำการตลาดผ่าน 3 กลยุทธ์หลักดังนี้ คือ 1. การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ โลโก้และแพ็คเกจจิ้งใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ดูทันสมัยที่สามารถจะขยายครอบคลุมไปถึงกลุ่มเป้าหมายเจเนอเรชันคนรุ่นใหม่ที่บริษัทฯจะขยายกลุ่มนี้มากขึ้นด้วย หลังจากที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 35 ปีแล้ว

2. การปรับอาหารพื้นเมืองที่มีอยู่ให้เป็นในรูปแบบอาหารพร้อมรับประทานมากขึ้นหรือ(ready to eat) เพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิตไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกและความเร่งรีบแต่ยังคำนึงถึงรสชาติอาหารและยังรวมไปถึงการขยายธุรกิจฟูดเซอร์วิสด้วย คือการป้อนวัตถุดิบให้กับร้านอาหารที่เป็นพันธมิตร และ 3.การให้ความสำคัญกับการต่อยอดธุรกิจ ด้วยการเพิ่มบริการจัดส่งหรือเดลิเวอรี โดยการจับมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในบริการดังกล่าวเพราะธุรกิจเดลิเวอรี่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการขยายตัวดี   
 
สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจที่ ส.ขอนแก่นเลือกนำเข้ามาร่วมต่อยอดธุรกิจในปี 2562นี้ คือ ร้านอาหารโชนัน ซึ่งรูปแบบการทำธุรกิจร่วมกันในครั้งนี้ คือ การส่งวัตถุดิบอาหารของ ส.ขอนแก่น คือ หมูยอโบราณและแหนมให้กับร้านโชนัน  เพื่อให้ร้านโชนันนำไปปรุงอาหารญี่ปุ่นเมนูพิเศษที่จะมีขายเฉพาะที่ร้านโชนัน ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล จำนวน 8 สาขาเท่านั้น โดยจะเริ่มจากวันที่ 15 ก.ค. - 31 ส.ค. 2562   

นายจรัสพลกล่าวต่อว่า การจับมือร่วมกับร้านโชนันในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายฐานเข้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างดีและถือเป็นครั้งแรกของ ส.ขอนแก่นที่ร่วมมือกับพันธมิตรกับผู้ประกอบการร้านอาหารในการส่งมอบวัตถุดิบ เพื่อผลิตเป็นเมนูพิเศษ ซึ่งหากได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค บริษัทก็จะพิจารณาการขยายความร่วมมือจัดส่งวัตถุดิบอื่นๆให้เพิ่มเติมในอนาคต  

นอกจากนี้ ส.ขอนแก่นยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปยังกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารอื่นๆ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าในเร็วๆนี้น่าจะได้ข้อสรุป เนื่องจากยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก

ส่วนแผนการทำธุรกิจร้านอาหารของ ส.ขอนแก่นในปี 2562นี้ ยังคงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจร้านอาหารในเครือ จากปัจจุบันร้านแซ่บคลาสสิคมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ประมาณ13 แห่งและร้านข้าวขาหมูยูนนานมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการประมาณ 20 แห่ง ซึ่งนอกจากจะมองโอกาสในการเปิดร้านอาหารในเครือสาขาใหม่แล้ว ส.ขอนแก่นยังจะให้ความสำคัญกับการขยายบริการในส่วนของเดลิเวอรี่มากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง เห็นได้จากยอดขายที่มาจากเดลิเวอรี่ในช่วงครึ่งปีก่อนที่มีอัตราการเติบโตกมากกว่า 18% สูงกว่ายอดขายการนั่งรับประทานอาหารที่ร้านที่ค่อนข้างทรงตัว

อย่างไรก็ดี แม้ว่าส.ขอนแก่นจะให้ความสำคัญกับธุรกิจร้านอาหารมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สัดส่วนรายได้ของธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันยังคงมีเพียง 6%ของรายได้รวมในปี 2561 ที่มีมูลค่าประมาณ 2,700 ล้านบาท เนื่องจากสัดส่วนรายได้กว่า 90%มาจากธุรกิจอาหารแปรรูปเนื้อสัตว์ ซึ่งหลังจากขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ คาดว่าสิ้นปี 2562 นี้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% 
                
สำหรับแผนการทำธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ในปีนี้ ส.ขอนแก่น จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดขนมขบเคี้ยว เพื่อสุขภาพอย่างจริงจัง หลังพบแนวโน้มของตลาดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงชอบรับประทานขนมขบเคี้ยว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้ ส.ขอนแก่น จึงเล็งเห็นโอกาส ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์“ ส.สแน็ค”เข้าทำตลาดในกลุ่มขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพพร้อมกับชูจุดเด่นของสินค้าในการเป็นอาหารไทยที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการต่อยอดธุรกิจแปรรูปเนื้อสัตว์
 
นายจรัสภล กล่าวอีกว่าบริษัทมีเป้าหมายจะวางแบรนด์“ส.สแน็ค”ให้เป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมแป้ง ใช้วัตถุดิบจากเนื้ออกไก่ 100% และไขมันต่ำ เพื่อขยายโอกาสการทำตลาดไปในกลุ่มประเทศมุสลิม ซึ่งบริษัทยังไม่เคยเข้าไปทำตลาด โดยเบื้องต้นจะมุ่งให้ความสำคัญกับการทำตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียและอาเซียนก่อน

ในด้านของช่องทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “ส.สแน็ค” จะเน้นไปที่ห้างโมเดิร์นเทรด โดยจะเริ่มนำสินค้าเข้าทำตลาดเป็นครั้งแรกในเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งช่วงที่นำสินค้าเข้าทำตลาด ส.ขอนแก่นจะทำการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าและจุดเด่นของผลิตภัณฑ์  โดยในสิ้นปี 2562นี้คาดว่าจะมีรายได้จากสินค้าดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท

ส่วนแผนการทำตลาดแบรนด์ “ส.สแน็ค” ในอนาคตนั้น ส.ขอนแก่น วางเป้าหมายไว้ว่าน่าจะเป็นสินค้าที่สามารถทำรายได้จากตลาดต่างประเทศได้สูงกว่าตลาดในประเทศ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 6-7%  เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่าตลาดในประเทศ  นอกจากนี้ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ่านราคาขายได้ดีดว่าตลาดในประเทศ แต่จะขยับสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแค่ไหนนั้นคงต้องรอดูทิศทางผลการตอบรับในสิ้นปีนี้ก่อน


 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 ก.ค. 2562 เวลา : 14:14:40
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:36 am