การตลาด
สกู๊ป"ไบเออร์สด๊อรฟ"ปั้นโรงงานไทยนั่งแท่นส่งออกตลาดอาเซียน


“นีเวีย” ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อยู่ในตลาดโลกมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 2454 ซึ่งหากนับระยะเวลา ปีนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 108 แล้ว ซึ่งแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านมา นีเวียก็มีการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์มาหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย


จากความนิยมในผลิตภัณฑ์ ประกอบกับมีการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดในหลายประเทศ ส่งผลให้บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี จำกัด ต้องปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนของกลยุทธ์ใหม่ที่เลือกนำมาใช้ คือ การเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและรองรับการแข่งขันที่รุนแรง

 
 
 
 
ในส่วนของแผนการทำตลาดในประเทศไทย นอกจากจะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องแล้ว ไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี จำกัด ยังเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องและเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ล่าสุดได้ใช้งบกว่า 2,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 9,000 ตารางเมตรในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี

นายสเตฟาน เดอ ล็อคเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี จำกัด ผู้ผลิตแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลภายใต้แบรนด์ นีเวีย , ยูเซอริน , ลา แพรรีและฮันซาพลาส กล่าวว่า โรงงานแห่งใหม่ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 2561 นั้น ขณะนี้การก่อสร้างได้แล้วเสร็จ พร้อมเปิดเดินเครื่องผลิตสินค้าแล้วใช้งานแล้ว ซึ่งในส่วนของโรงงานแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนใหญ่เนื่องจากสายการผลิตของโรงงานแห่งใหม่นี้ สามารถผลิตสินค้าได้เพิ่มขึ้นจากปกติถึง 50%

สำหรับจุดเด่นของโรงงานแห่งนี้ คือ เป็นจุดส่งออกหลักของผลิตภัณฑ์เวชสำอางดูแลผิวในเครือบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโรงงานในส่วนที่สร้างเพิ่มเติมภายใต้โปรเจค ไพลิน ถูกออกแบบมาให้ดูทันสมัยและยังเชื่อมต่อกับอาคารการผลิตเดิม โดยคาดว่าจะเปิดเต็มพื้นที่เพื่อใช้สำหรับผลิตเวชสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายในปี 2564 ด้วยกำลังการผลิตที่มากขึ้นจึงส่งผลให้สามารถขยายการส่งออกได้มากขึ้น ทำให้ศูนย์การผลิตแห่งใหม่ในบางพลีนี้กลายเป็นจุดส่งออกที่สำคัญของเครือข่ายไบเออร์สด๊อรฟยิ่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หลังจากโรงงานแห่งใหม่เริ่มเดินสายการผลิตสินค้า ไบเออร์สด๊อรฟ คาดการณ์กันว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเพียงพอกับการขยายตลาดส่งออก โดย40%ของกำลังการผลิตทั้งหมดจะผลิตสินค้า เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 60% จะใช้ไปกับการส่งออก ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศแล้ว กว่า 40 ประเทศทั่วโลก

นอกจากจะขยายโรงงานเพิ่มแล้ว ไบเออร์สด๊อรฟ ยังมีแผนที่จะขยายคลังสินค้าและการขนส่งของศูนย์การผลิตในประเทศไทย แนวทางดังกล่าวนับได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของไบเออร์สด๊อรฟที่ต้องการจะเติบโตไปอย่างยั่งยืน ซึ่งในส่วนของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะเข้าไปทำตลาด ยังคงเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ดังนั้นช่องทางหลักในการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายจึงจะเน้นไปที่สื่อออนไลน์เป็นหลัก

 
 
 
 
นายสเตฟาน กล่าวอีกว่า เพื่อให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน ล่าสุดบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างอาคารใหม่ เริ่มจากการนำแผงโซล่าเซลล์มาติดบนเพดาน ทำให้สามารถผลิตกระแสไฟได้มากถึง 500 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ยังใช้วัสดุก่อสร้างที่เปล่งแสงต่ำและเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงจึงสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยหน่วยทำความเย็นที่ไม่ก่อให้เกิดสารคาร์โรฟลูออโรคาร์บอน (CFC-free) และการใช้น้ำแบบหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน

นอกจากนี้ตัวอาคารยังประกอบไปด้วยส่วนของอาคารสำนักงานที่ทันสมัยที่ใส่ใจในเรื่องของศาสตร์การทำงานที่ดีที่สุด และอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆที่ได้รับมาตรฐานจาก CE (CE-standard) ความปลอดภัยและการเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นแก่นการทำงานในทุกๆ วัน

ปัจจุบันไบเออร์สด๊อรฟ มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทำตลาดด้วยกัน 2 แบรนด์หลัก คือ นีเวีย และยูเซอริน ซึ่งในส่วนของ นีเวีย มีสินค้าที่นำมาทำตลาดพร้อมกัน คือ นีเวีย ดีโอ โรลออน, นีเวีย บอดี้, นีเวีย เมน, นีเวีย เฟส, นีเวีย ซัน และนีเวีย ครีม ส่วนผลิตภัณฑ์ยูเซอรีน จะมีสินค้าที่ทำตลาดอยู่ด้วย 5 รายการ ประกอบด้วย ยูเซอริน เฟส, ยูเซอริน ซัน, ยูเซอริน แอนตี้เอจจิ้ง, ยูเซอริน บอดี้, และยูเซอริน บอดี้วอร์ช เป็นต้น

สำหรับแผนการทำตลาดในปีนี้นั้น ไบเออร์สด๊อรฟ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของแบรนด์ นีเวีย เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภค ซึ่งในส่วนของช่องทางการจำหน่ายสินค้านั้น ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการจำหน่ายสินค้าในช่องทางออนไลน์มากขึ้นจากเดิมจะเน้นออฟไลน์เป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมการใช้สินค้าที่เปลี่ยนไป

 
 
 
ทั้งนี้ในส่วนของช่องทางออนไลน์ที่ ไบเออร์สด๊อรฟ เข้าไปทำการตลาดและพบว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี คือ มาร์เก็ตเพลส ล่าสุดเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการจับมือร่วมกับช้อปปี้ เพื่อทำแคมเปญร่วมกันภายใต้ชื่อ 'Win the Day with NIVEA' เพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานกว่า 200 ล้านรายทั่วทั้งภูมิภาคฯ

ด้านนายคอร์นีเลียส เบคเกอร์ กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด กล่าวว่า ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจับมือร่วมกับ ช้อปปี้ เพื่อร่วมกันทำโปรโมชั่นมอบส่วนลดให้กับลูกค้า เช่น มอบส่วนลด 55% สำหรับผลิตภัณฑ์ นีเวีย ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และเมื่อมียอดใช้จ่ายมากกว่า 549 บาทจะได้รับ ช้อปปี้คอยน์ (Shopee Coin) พร้อมแคชแบค50% 

นอกจากนี้ยังจะมีการแจกของรางวัลประจำวัน: ลุ้นรับของรางวัลกว่า 11 รางวัลสำหรับผู้ที่มียอดใช้จ่ายผลิตภัณฑ์ของนีเวีย สูงสุดในระยะเวลา 3 วัน ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 รับ 10,000 ช้อปปี้ คอย  รางวัลที่ 2–11: ผลิตภัณฑ์นีเวีย มูลค่า 1,899 บาทต่อหนึ่งเซ็ต ซึ่งช่วงที่มีการทำโปรโมชั่นดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขายของ ไบเออร์สด๊อรฟ เติบโตจากระดับปกติอย่างเห็นได้ชัด เพราะนอกจากจะมีสินค้าใหม่แล้ว ยังมีการแจกของรางวัลประจำวัน รวมมูลค่ากว่า 1 รางวัล สำหรับผู้ที่มียอดใช้จ่ายผลิตภัณฑ์ของนีเวียสูงสุดในระยะเวลา 3 วัน เป็นตัวช่วยกระตุ้นยอดขาย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ก.ค. 2562 เวลา : 16:38:34
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 10:50 am