การตลาด
สกู๊ป"ทรู"กาง 6 ช่องทางถ่ายสดพรีเมียร์ลีกอุดช่องโหว่ดันรายได้โต


สร้างความฮือฮาให้กับวงการลูกหนังได้ไม่กี่เดือน สำหรับข่าวชนะการประมูลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษของสื่อโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง “เฟซบุ๊ค” ซึ่งชัยชนะที่ “เฟซบุ๊ค” ได้รับดังกล่าว “เฟซบุ๊ค” คาดหวังว่าจะเข้าไปเปิดตลาดถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ทั้งใน ไทย, ลาว, กัมพูชา และเวียดนามตลอด 3 ฤดูกาล (2019-2020/2020-2021/2021-2022)


แต่เนื่องจากการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป 100% ทำให้ช่วงระยะเวลา 8 เดือนที่ “เฟซบุ๊ค” ได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสด ต้องมีการเจรจารายละเอียดการนำสิทธิ์ไปใช้ประโยชน์เป็นระยะๆ และท้ายที่สุด ”เฟซบุ๊ค” ก็พลาดท่าหลุดสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ” เนื่องจากการเจรจาผลประโยชน์ระหว่างกันไม่ลงตัว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ “พรีเมียร์ลีก” ออกมาประกาศเปิดให้กลุ่มทุนต่างๆ เข้ามาประมูลรับสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ “กลุ่มทรู” ก็เป็นหนึ่งในตัวเก็งที่เข้าร่วมประมูล เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์ในการบริหารลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในประเทศไทยมาหลายฤดูกาล

 
 
 
นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในการบริหารลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด  เนื่องจาก“กลุ่มทรู”มีสื่อในเครือที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเพลย์ทีวี ฟรีทีวี หรือออนไลน์ ซึ่งจากความพร้อมที่มีดังกล่าว ทำให้กลุ่มทรูได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาลรวดอีกครั้ง เริ่มจากฤดูกาล 2019-2020

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารและหัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษปีนี้ แฟนบอลชาวไทยจะได้เต็มอิ่มทุกอารมณ์ รับชมการถ่ายทอดสดทุกแมตซ์ได้แบบครบรสมากยิ่งขึ้น ซึ่งทรูวิชั่นส์เป็นผู้ให้บริการเพย์ทีวีเพียงรายเดียวของไทยที่ได้รับลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษแบบครบถ้วนเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และ ไฮไลท์ ครบทั้ง 380 แมตช์

นอกจากจะได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดผ่านสื่อทีวีในรูปแบบต่างๆแล้ว “กลุ่มทรู” ยังได้รับลิขสิทธิ์เป็นผู้ถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆครบทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครอบคลุมสื่อทุกช่องทาง

นายพีรธน กล่าวต่อว่าสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่ได้รับในครั้งนี้จะเป็นการเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของแฟนบอลยุคใหม่ ที่ต้องการรับชมแบบสดได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งในส่วนของบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในการถ่ายทอดสด ทั้ง More Experience ประสบการณ์การรับชมที่ครบรสมากกว่า ชมสดครบทุกจอ คมชัดแบบHD แบบสุดกว่า มันส์กว่า และ Omni Channels เพื่อให้แฟนบอลสนุกมันส์มากกว่าที่เคย

 
 
 
 
ในส่วนของช่องทางการออกอากาศ “กลุ่มทรู” ได้เตรียมเปิดตัวการถ่ายทอดสดผ่าน 6 ช่องหลัก เช่น ช่องทรูพรีเมียร์ฟุตบอลHD ,ทรูสปอร์ต ,เว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่าน ทรูไอดี และTrueID Box เรียกได้ว่า ครบทุกแพลตฟอร์ม สนุกเต็มอิ่มกันได้ทุกที่ทุกเวลา

นายพีรธน กล่าวอีกว่าแผนการทำตลาดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในครั้งนี้ จะเน้นไปที่ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.คอนเทนต์และรายการที่หลากหลายมากสุดเท่าที่เคยทำมา 2.แพลทฟอร์มการรับชมมากที่สุด ทั้ง ฟรีทีวี เพย์ทีวี และทรูไอดี และ 3.การทำอินเตอร์แอกทีฟ คอมมูนิตี้ผ่านโซเชียลมีเดีย ที่สำคัญทรูวิชั่นส์ได้ผนึกกำลังบริษัทในกลุ่มซีพีสร้างการรับรู้และการเข้าถึงสร้างฐานสมาชิกมากขึ้น

ส่วนแผนการปกป้องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษในครั้งนี้ กลุ่มทรู จะพยายามให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะปัจจุบันกลุ่มทรูได้เป็นพันธมิตรอย่างแข็งแกร่งกับทางกูเกิ้ล เฟซบุค และยูทูป ที่จะช่วยสกัดและปิดช่องทางการละเมิดการรับชมที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการจับมือกับกูรูฟุตบอลและอินฟลูเอ็นเซอร์ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้แฟนชาวไทยรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษอย่างถูกลิขสิทธิ์ รวมถึงการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐควมคุมการละเมิดลิขสิทธิ์

สำหรับโปรโมชั่นพิเศษที่กลุ่มทรูเตรียมไว้ต้อนรับลูกค้ามีฤดูกาลแรกนี้ คือ แพ็กเสริม “ทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล เอชดี พลัส” (ราคาปกติ 399 บาท/เดือน) แต่ถ้าสมัครทรูวิชั่นส์ แพลตทินัม ดูฟรี 3 ฤดูกาล หรือสมัครแพ็กเกต โกลด์ เพียง 199 บาท/เดือน ก็สามารถชมฟุตบอลได้ตลอดฤดูกาลหรือจะเลือกแพ็กอื่นๆ 299 บาท/เดือน เริ่มจากวันนี้ - 31 ต.ค.2562 แต่หากเป็นสมาชิกเดิม ทรู ซูเปอร์ ซอคเกอร์ สมัครแพ็กเสริมใหม่ เพียง 199 บาท/เดือน วันนี้ - 31 ต.ค. 2562

ขณะที่ช่องทางออนไลน์ “ทรูออนไลน์” ได้ทำการเปิดตัวแพ็กเกจ True Gigatex Fiber เน็ตไฟเบอร์แรง 1 Gbps มาพร้อมกล่องทรูไอดี ทีวี ดูฟรีพรีเมียร์ลีกทุกสัปดาห์ เพียง 999 บาท/เดือน ส่วนทรูไอดี ก็จะทำการโปรโมท “ทรูไอดี แอปเดียวครบ จัดเต็มทุกอารมณ์บอล” โหลดวันนี้ ดูฟรีบนมือถือกว่า 100 แมตช์ ตลอดฤดูกาล

นอกจากนี้ยังมีแพ็กเสริม“ทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล เอชดี พลัส” ดูครบตลอดฤดูกาล เพียง 2,500 บาท จากปกติ 3,190 บาท (ราคาพิเศษก่อนเปิดฤดูกาล 9 ส.ค. 2562) หรือ รายเดือน 319 บาท/เดือน หรือ 999 ทรูพอยท์ ขณะที่รายสัปดาห์จะอยู่ที่ 179 บาท/ หรือ 599 ทรูพอยท์ และรายวัน 99 บาท/วัน หรือ 399 ทรูพอยท์

 
 
 
 
ในส่วนของลูกค้า “ทรูมูฟ เอช” หากเป็นลูกค้าแบบรายเดือน ก็จะได้รับชมพรีเมียร์ลีกครบทุกแมตช์ ผ่านแอปทรูไอดี และพิเศษ! ซื้อแพ็กเสริมดูบอล + เน็ต 10 GB ลด 50% เหลือ 150 บาท/เดือน (ปกติ 300 บาท) หรือเปิดเบอร์ใหม่รายเดือนแพ็ก 1,099 บาท ขึ้นไป ชมบอลฟรีตลอดฤดูกาล และสำหรับลูกค้าที่ย้ายค่าย จะได้รับสิทธิ์ดูบอลฟรี พร้อมรับส่วนลดค่าบริการ 25% 12 เดือน (สำหรับแพ็ก 699 บาทขึ้นไป)

นายพีรธน กล่าวปิดท้ายว่าในส่วนของนัดเปิดสนามจะเป็นโปรแกรม "ฟรายเดย์ไนท์" คืนวันศุกร์ที่ 9 ส.ค. จะเปิดสนามด้วยการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล พบกับ นอริช ซิตี้ ต่อด้วยโปรแกรมวันเสาร์ที่ 10 ส.ค.อีก 7 คู่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บอร์นมัธ พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลีย์ พบ เซาแธมป์ตัน, คริสตัล พาเลซ พบ เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้ พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน, วัตฟอร์ด พบ ไบรจ์ตันและท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พบ แอสตัน วิลลา

หลังจากได้คอนเทนต์พรีเมียร์ลีกมาเสริมทัพ กลุ่มทรู คาดหวังว่าผลประกอบการของ “ทรูวิชั่นส์” ในสิ้นปี 2562 นี้น่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี2561 ที่มีรายได้ 13,300 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 8.7% และมีฐานสมาชิกรวมกว่า 4.1ล้านราย

LastUpdate 10/08/2562 23:39:36 โดย : Admin
17-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 17, 2024, 1:55 am