การตลาด
สกู๊ป"ซีพีเอ็น" ย้ำ"เซ็นทรัลวิลเลจ"ทำทุกอย่างถูกต้องลั่นเปิด 31 ส.ค.62


ถือเป็นข่าวใหญ่ในรอบสัปดาห์ก็ว่าได้สำหรับกรณีพิพาทระหว่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอ็น กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. หลังจาก ทอท.ออกมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางพลี จ.สมุทรปราการ ให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องการก่อสร้างศูนย์การค้า เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)หรือ ซีพีเอ็น ฐานก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ของราชพัสดุ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของกรมท่าอากาศยานไทยและเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ในความดูแลของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในพื้นที่ ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

 


 
 
 
นอกจากนี้ทอท.ยังมีการปิดพื้นที่ทางเข้าประตู 1ของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต ตั้งแต่เย็นวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วยการนำเต้นท์ขนาดใหญ่มาตั้งขวางและนำแบริเออร์จำนวนหนึ่งมาตั้งกั้นบริเวณถนนทางเข้าเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้รถที่จะมาขนส่งอุปกรณ์ก่อสร้างและตกแต่งภายในไม่สามารถเข้าไปทำงานในพื้นที่

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ ซีพีเอ็น ในฐานะเจ้าของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักซ์ชัวรี่ เอาท์เล็ต ต้องออกมาประกาศชี้แจงว่าการพัฒนาโครงการดังกล่าวดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยการโชว์ไทม์ไลน์การขออนุญาตและการได้รับสิทธิ์พัฒนาโครงการเซ็นทรัล  วิลเลจ ลักซ์ชัวรี่ เอาท์เล็ต

 
 
 
 
 
เริ่มจากปี 2558 ซีพีเอ็นได้ทำการตรวจสอบที่ดินว่าที่ดินดังกล่าวนั้นสามารถพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจได้ตาม พ.ร.บ. ผังเมืองและติดถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ไม่ใช่ที่ดินตาบอดแต่อย่างใดต่อมาวันที่ 22 ธ.ค. 2559 ซีพีเอ็น ได้รับหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์ที่ดินตาม พ.ร.บ. ผังเมือง ว่าพื้นที่สีเขียวบริเวณ ก1-10 ของผังเมืองสมุทรปราการ ยังมีพื้นที่เพียงพอให้บริษัทฯสร้างโครงการนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

วันที่ 30 ม.ค. 2560 และ 25 ก.ค. 2562 ซีพีเอ็น ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างและแบบปรับปรุงภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ต่อมาวันที่ 24 เม.ย. 2561 ได้ใบอนุญาตการก่อสร้างอาคาร (อ1) จาก อบต. บางโฉลงและเป็นวันที่ ซีพีเอ็น ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกหลังจากนั้นวันที่ 10 เม.ย. 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้การประปา ใช้พื้นที่ไหล่ทางในการดำเนินการวางท่อเข้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ

ต่อมาวันที่ 24 ก.ค. 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้ทำทางเชื่อมเข้าออก ขยายผิวจราจรและปรับปรุงทางเท้า ซึ่งรวมไปถึงไหล่ทางด้วย เช่นเดียวกับที่เคยได้อนุมัติเชื่อมทางให้กับผู้ร้องขอรายอื่นบนถนนสายนี้ทั้งสิ้น 37 ราย รวมถึง ทอท.ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยขออนุญาตจากกรมทางหลวงมาโดยตลอดและล่าสุดเมื่อ 14 พ.ค. 2562 ได้มีหนังสือจากกรมทางหลวงอนุญาตให้ ทอท. เดินท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินและบ่อพัก

หลังจากนั้นวันที่ 14 ส.ค. 2562 ซีพีเอ็นได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร (อ6)จากอบต.บางโฉลงแต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2562 ทอท.ได้เข้ามาปิดกั้นทางเข้าออก บริเวณหน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าเกิดความสับสน แต่อย่างไรก็ดีในวันที่ 31ส.ค.2562 ซีพีเอ็นออกมายืนยันอีกครั้งว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการอย่างแน่นอน ด้วยการจัดงานแถลงข่าวแจ้งข่าวสารความพร้อมของโครงการ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในวันที่ 28 ส.ค.2562 ที่ผ่านมา

 
 
 
 
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และการสร้างประโยชน์ต่อชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน โดยในทุกที่ที่โครงการของบริษัทไปตั้งอยู่ล้วนนำพาความเจริญ สร้างเศรษฐกิจ มีการจ้างงาน กระจายรายได้สู่ชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตมาอย่างยาวนาน

ปัจจุบันซีพีเอ็นมีศูนย์การค้าในเครือที่เปิดให้บริการประมาณ 34 ศูนย์การค้าใน18จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งทุกศูนย์การค้าที่เข้ามาอยู่จะมุ่งเน้นการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างการท่องเที่ยว การลงทุนให้กับประเทศไทย

นายปรีชากล่าวต่อว่าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตแห่งนี้จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitive Advantage)กับประเทศต่างๆทั่วโลก เนื่องจากบริษัทมีการดึงนักลงทุน Global Brands ใหญ่ๆระดับโลกเข้ามาลงทุนร่วมกัน ซึ่งทุกคนมีความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ก่อนที่โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค.2562 ซีพีเอ็น ได้ใช้เวลาเตรียมการมากว่า 5 ปี สำหรับการพัฒนาโครงการแห่งนี้ ซึ่ง ซีพีเอ็น ได้ใช้งบลงทุนไปกว่า 5,000 ล้านบาท โดยหลังจากเปิดให้บริการ ซีพีเอ็น คาดหวังว่าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มีความครบถ้วน และทำให้คนไทยหันมาช้อปปิ้งในประเทศมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวจะทำให้ภาษียังคงหมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ  

ทั้งนี้ภายในโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต ประกอบไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำกว่า 150 ร้านค้าที่จะพร้อมใจกันนำสินค้ามาลดราคา 35-70 % ซึ่งสินค้าแบรนด์เนมที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ ประกอบด้วย  CHLOE*, CLUB21 (Outlet By CLUB21),COACH,ERMENEGILDO,ZEGNA, ETRO, KATE SPADE NEW YORK*, KENZO, MICHAEL KROS, POLO RALPH LAUREN* และ SALVATOREE FERRAGAMO* เป็นต้น

นอกจากนี้ภายในโครงการฯยังมีร้านค้าและจุดบริการอื่นๆรวมถึงไทย พาวิลเลียน โดยร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ นำสินค้าโอท็อป พรีเมียม คัดสรรคุณภาพเข้ามาวางจำหน่ายภายในพาวิลเลียน พื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม.

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการทำตลาดของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ  ลักชูรี่ เอาท์เล็ต จะเป็น เอาท์เล็ท มอลล์ ที่ไม่เน้นทำกิจกรรมทางการตลาดหรือการจัดอีเวนต์แสดงแสงสีเสียงแต่จะเน้นการทำโปรโมชั่นเหมือนกับเอาท์เล็ตอื่นๆ เพราะสินค้าที่นำมาจำหน่ายจะเป็นสินค้าในรุ่นที่หมดซีซัน โดยหลังจากเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. คาดว่าจะมีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 20,000 คนต่อวัน สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในประเทศกว่า 30,000 ล้านบาท

 

บันทึกโดย : วันที่ : 31 ส.ค. 2562 เวลา : 19:48:20
16-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 16, 2024, 4:53 pm