เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล


บมจ.ไทยออยล์คาดแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (2 - 6 ก.ย. 62) 

          
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ซบเซาหลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนทวีความรุนแรงขึ้น และอาจทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะเศษฐกิจถดถอย รวมทั้ง ความกังวลเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลงในวันที่ 31ต.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันที่จะปรับตัวลดลง นอกจากนี้กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังข้อมูลล่าสุดไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังของตลาดว่าเฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือน ก.ย.นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ  

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:ตลาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดัน จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจีนได้ประกาศจะเพิ่มการขึ้นภาษีราวร้อยละ 5 ถึงร้อยละ 10 ในสินค้า 5,078 รายการที่นำเข้าจากสหรัฐฯ โดยผลบังคับใช้ถูกแบ่งป็นสองรอบคือ 1 ก.ย. 62 และ 15 ธ.ค. 62 ขณะที่สหรัฐฯ ตอบโต้กลับโดยการประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกระลอกมูลค่ารวม 550,000 ล้านเหรียญฯ ในวันที่ 1 ต.ค. 62 อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯและจีนเตรียมจัดการเจรจาการค้าอีกรอบในช่วงเดือน ก.ย. นี้ ก่อนที่จะถึงกำหนดการขึ้นกำแพงภาษีระลอกใหม่ โดยโฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า จีนจะสกัดกั้นไม่ให้สงครามการค้ากับสหรัฐฯทวีความรุนแรงมากขึ้น 

ตลาดกังวลต่อความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯเนื่องจากตลาดพันธบัตรสหรัฐฯยังคงเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี อยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

ตลาดจับตาเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลงในวันที่ 31 ต.ค. นี้ หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ใช้แผนจำกัดการประชุมสภาเพื่อหวังเดินหน้าผลักดันให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่มีการทำข้อตกลง โดยจะทำให้มีการปิดรัฐสภาอังกฤษตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. เป็นเวลาราว 1 เดือน ซึ่งจะทำให้รัฐสภามีเวลาน้อยลงในการออกกฎหมายเพื่อสกัดความพยายามของนายจอห์นสันในการนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค.โดยไร้ข้อตกลง

ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากนัก หากแต่พร้อมที่จะดำเนินมาตรการทางการเงินอย่างเหมาะสม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯให้ความเห็นว่านโยบายทางการเงินอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้ อย่างไรก็ดีร้อยละ 93.5ของตลาดยังคงคาดว่าเฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือน ก.ย.นี้

กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังตัวเลขประจำสัปดาห์ที่ 23 ส.ค. 62 อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 12.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้การเปิดดำเนินการของท่อขนส่งน้ำมันดิบใหม่ในแหล่ง Permian คาดว่าจะส่งผลให้สหรัฐฯสามารถส่งน้ำมันดิบได้มากขี้น 

 เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตจีนเดือน ส.ค.62 ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน ส.ค.62 ดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ เดือน ส.ค.62 และจีดีพียูโรโซนไตรมาส 2/2562

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.ย. 2562 เวลา : 15:42:37
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:34 am