จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหันมาเน้นความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ทำให้ส่วนใหญ่ไม่ทำอาหารรับประทานเอง ส่งผลให้ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับธุรกิจ Packaged Food ที่มีการขยายตัวตามมา ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นโอกาสในการก้าวเข้ามาทำธุรกิจดังกล่าวอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการพัฒนา“One Brand”ด้วยการพัฒนากลุ่มสินค้าอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานเข้ามาทำตลาดควบคู่กันไป ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการรวมกลุ่มธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานในส่วนของแซนด์วิชและเกี๋ยวซ่า ให้อยู่ภายใต้ตราสินค้าเดียวกัน
โอกาสที่มีอยู่อย่างมหาศาลในธุรกิจ Packaged Food ทำให้ปีที่ผ่านมา โออิชิ กรุ๊ปต้องออกมาประกาศแยกธุรกิจ Packaged Food จากธุรกิจอาหารอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถกำหนดกลยุทธ์และทิศทางของธุรกิจ Packaged Food ที่กำลังจะเดินไปได้ชัดเจนมากขึ้น โดยหลังจากออกมาประกาศแผนการดำเนินงานดังกล่าว โออิชิ กรุ๊ป ก็เริ่มเดินเครื่องลุยธุรกิจ Packaged Food อย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์อาหารสำเร็จรูปของโออิชิ กรุ๊ป มากขึ้น ล่าสุดได้มีการเปิดตัว “โออิชิ อีทโตะ เฟรนช์โทสต์ แซนวิช” (OISHI EATO French Toast Sandwich) เข้าทำตลาด เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องใช้ชีวิตรีบเร่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาในตอนเช้า
น.ส.เมขลา เนติโพธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคมเมือง ทำให้การใช้ชีวิตของผู้บริโภคมีความเร่งรีบและหันมานิยมบริโภคอาหารพร้อมทานมากขึ้นและเบเกอรี่ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคเลือกรับประทานเป็นอาหารว่าง รวมไปถึงการบริโภคทดแทนอาหารมื้อหลัก ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปดังกล่าวทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการหันมาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการรอบด้านควบคู่ไปกับการวิจัยและพัฒนาอาหารสำเร็จรูปนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับแผนการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่ “โออิชิ อีทโตะ เฟรนช์โทสต์ แซนวิช” ที่ โออิชิ กรุ๊ป ได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้คือ การวางจุดขายให้เป็นผลิตภัณฑ์ขนมปังเฟรนช์โทสต์พร้อมทาน ด้วยการนำเสนอในรูปแบบเฟรนช์โทสต์ แซนวิช เป็นรายแรกในตลาด เหมาะสำหรับมื้อเช้า ซึ่งถือเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวันหรือมื้อรองระหว่างวัน โดยมุ่งเจาะคนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
พร้อมกันนี้ยังจะชูจุดเด่นของสินค้าในด้านของรสชาติ โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ โออิชิ อีทโตะ เฟรนช์โทสต์ แซนวิชที่เปิดตัวเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้จะประเดิมการทำตลาดด้วย ไส้เบคอนชีส ชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่การคัดสรรและเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ เริ่มตั้งแต่การนำขนมปังเนื้อนุ่มพิเศษ สูตรเฉพาะของโออิชิมาชุบไข่ที่ตีผสมกับนมและเนยทั่วทั้งแผ่นจนชุ่มก่อนอบจนสุกหอมได้ที่ ไปจนถึงไส้สูตรเฉพาะ อย่างเบคอนชีสที่จัดหนักสโมคเบคอนเนื้อแน่นๆผสานชีสชั้นดีถึง 2 ชนิด ทั้งเชดดาร์ชีสและมอสซาเรลล่าชีสวางจำหน่ายในราคาชิ้นละ 35 บาท ที่เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ
น.ส.เมขลากล่าวต่อว่ากลยุทธ์การทำธุรกิจอาหารสำเร็จรูปของบริษัทจะมีด้วยกัน 4 แนวทาง คือ 1. Brand Buildingหรือการสร้างตราสินค้าให้แข็งแกร่งและมีความสอดคล้องสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ตราสินค้าเดียวกัน คือ โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) 2. New Product หรือการพัฒนาและสร้างสรรค์สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและโดดเด่น ทั้งรูปแบบ รสชาติ และหีบห่อ/บรรจุภัณฑ์ 3. Distribution หรือการขยายช่องทางขาย/จัดจำหน่ายให้หลากหลายเพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งขยายเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งอาเซียนและสหภาพยุโรป ผ่านการซินเนอร์ยี่ระหว่างพันธมิตรและกลุ่มธุรกิจในเครือไทยเบฟ และ 4. Efficiency and Productivity หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อให้ผลผลิตมีปริมาณและมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังจะต้องรักษาช่องทางจำหน่ายทางโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดปริมาณของเสียให้มากที่สุด ซึ่งจากวิสัยทัศน์ในการทำงานดังกล่าว ทำให้ โออิชิ กรุ๊ป ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและได้รับรางวัลต่างๆ เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอาหาร เช่น รางวัล Thailand’s Most Admired Brand 2019 จากนิตยสารแบรนด์เอจ, รางวัล The Most Powerful Brands of Thailand 2018 จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น
ด้านผลประกอบการของโออิชิ กรุ๊ป ในช่วงไตรมาส 2 ของรอบบัญชี (ม.ค. – มี.ค. 2562) บริษัทฯมีรายได้รวม 3,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่ม 1,684 ล้านบาท เติบโต 11.1% และรายได้จากธุรกิจอาหาร 1,798 ล้านบาท เติบโต 11.9% ขณะที่กำไรสุทธิรวม 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็น 62.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นผลกำไรจากธุรกิจเครื่องดื่ม 275 ล้านบาท เติบโต 48.6% และผลกำไรจากธุรกิจอาหาร 122 ล้านบาท เติบโต106.8%
ส่วนภาพรวมแผนการดำเนินธุรกิจของโออิชิ กรุ๊ป ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ยังคงเดินหน้าขยาย 3 ธุรกิจทหารเสืออย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นธุรกิจชาเขียวพร้อมเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจ Packaged Food โดยในส่วนของธุรกิจชาเขียวจะใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจ คือ 1.Grow Portfolio เพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีอินโนเวชั่น สร้างสีสันให้กับตลาด 2.Premiumization ใช้นวัตกรรมยกระดับสินค้าให้มีความพรีเมียม และ 3.Healthier Product นำเสนอเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพเพื่อตอบโจทย์ เทรนด์รักสุขภาพ
ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารจะใช้กลยุทธ์การขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของปีนี้ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 15-20 สาขาและ 20 สาขาในปี 2563 กระจายไปเจาะตลาดในจังหวัดเมืองรอง เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆให้มากขึ้น ส่วนธุรกิจ Packaged Food จะเน้นไปที่การพัฒนาสินค้าและอาหารนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาทำตลาด ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว โออิชิ กรุ๊ป มั่นใจว่าปิดรอบบัญชี 2562 นี้จะมีรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ข่าวเด่น