ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจโครงการใหม่ๆอย่างต่อเนื่องสำหรับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)หรือซีพีเอ็น ล่าสุดออกมาประกาศเทงบ 22,000 ล้านบาท ยึดหัวหาดเมืองเศรษฐกิจใหม่พัฒนาโครงการใหม่ในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
นอกจากนี้ซีพีเอ็นยังมีแผนที่ปรับโฉมศูนย์การค้าสาขาเก่าให้เป็น New Urbanised District ทำเลทองของกรุงเทพฯ เนื่องจากเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของซีพีเอ็นนับจากนี้เป็นต้นไป คือการสร้างงาน สร้างเมือง สร้างประเทศเป็น Center of Life ของทุกจังหวัด
น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่าซีพีเอ็นถือเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งของประเทศในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาบุกเบิกเป็น Pioneer and Innovator ในการสร้างแนวคิด ‘Center of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิต’ร่วมกับคู่ค้าเพื่อชุมชนในทุกโลเคชั่น ทั่วทุกภูมิภาค ทุกจังหวัดของประเทศไทยและไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ตลอด 39 ปีที่ผ่านมาซีพีเอ็นไม่เคยหยุดนิ่งในการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆเพื่อกระจายความเจริญให้กับประเทศและสร้าง multiplier effect อย่างเป็นรูปธรรมทั้งทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคมและคนในชุมชนทั่วประเทศ
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ภายในปี 2565 ซีพีเอ็น คาดหวังว่าจะพัฒนาโครงการทั้งหมด 17 โครงการ แบ่งเป็น 5 โครงการไฮไลท์และปรับโฉมโครงการเก่าจำนวน 12 โครงการด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 22,000 ล้านบาท ซึ่งแผนการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการเดินตามแผนยุทธศาสตร์ของภาครัฐ ประกอบด้วย
1.การยึดหัวหาด 3 เมืองเศรษฐกิจใหม่ด้วยมิกซ์ยูสรูปแบบใหม่กลางใจเมือง ได้แก่ โครงการเซ็นทรัลพลาซา อยุธยา,โครงการเซ็นทรัล พลาซา ศรีราชาและโครงการเซ็นทรัล พลาซา จันทบุรี 2. การปลุกปั้นย่าน New Urbanised District กับ 2 ศูนย์การค้าในทำเลทองของกรุงเทพฯ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2 และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา รามอินทรา 3. การปรับโฉมศูนย์การค้าอีก 12 สาขาทั่วประเทศ เพื่อจะรองรับการเติบโตของเมืองต่างๆในหลายประเทศ
นอกจากนี้ยังเดินหน้าลงทุนพัฒนา 2 Big Impact Projects ตามแผนงานที่ได้เคยประกาศไว้ ได้แก่ โครงการร่วมทุน ‘Dusit Central Park’ โครงการระดับเวิลด์คลาสที่ยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ มูลค่ากว่า 36,700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 และอีกหลายโครงการที่จะพัฒนาภายใต้บริษัท GLAND โดยเฉพาะโครงการพระราม 9 จากการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งได้จัดสรรผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผน คาดว่าในเร็วๆนี้จะประกาศโครงการใหญ่ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
ด้านนายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอ็นกล่าวว่าโครงการใหม่ที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้มีอยู่ 3 โครงการใน 3 จังหวัด คือ อยุธยา, ศรีราชา และจันทบุรี โดยในส่วนของโครงการมิกซ์ยูส เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา จะก่อสร้างภายใต้แนวคิด ความเรืองรองแห่งพระนครศรีอยุธยา เพราะอยุธยาถือเป็น strategic locationและเป็น Hub ของภาคกลางตอนบน ครอบคลุมจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี ประชากรเกือบ 2,500,000 คน เป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญและมีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ เซ็นทรัลพลาซา อยุธยาจึงจะเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า, Tourist Attraction, โรงแรม,ที่พักอาศัยและคอนเวนชั่นฮอลล์ ด้วยการออกแบบที่เชิดชูเอกลักษณ์ของเมืองอยุธยาในอดีต ผ่านดีไซน์ร่วมสมัย เบื้องต้นคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ไตรมาส 2 ปี 2564
ส่วนโครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา’ จะก่อสร้างภายใต้แนวคิด Living Green in Smart City of EEC Center และด้วยความที่ศรีราชาเป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ที่จะมีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดใน EEC ซีพีเอ็นจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปพัฒนาธุรกิจ ด้วยการสร้างโครงการมิกซ์ยูสในเมืองนี้ประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า, คอนเวนชั่นฮอลล์, เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์, ออฟฟิศและโรงแรมในอนาคต เบื้องต้นคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 2 ปี 2564
อีกหนึ่งโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา คือ โครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา จันทบุรี’ จุดเด่นของโครงการนี้ คือ การสร้าง format ใหม่ ภายใต้แนวคิด The Shining Gem of EEC Plus 2ภายในโครงการจะประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า, Local market,คอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย รวมถึง Premium Sport Club & Social Park ริมน้ำตอบรับไลฟ์สไตล์เมืองเติบโตใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2565
นายชนวัฒน์ กล่าวต่อว่าสำหรับการปั้นย่าน New Urbanised District บนทำเลทองของกรุงเทพฯ - พระราม 2 และรามอินทราจะเป็นการพลิกโฉมศูนย์การค้าใหม่ทั้งหมด โดยในส่วนของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 จะเป็น The Largest Regional mall - Gateway of South Bangkok เชื่อมโยงทุกทิศของขอบเมืองชั้นในและจะผลักดันให้ย่านพระราม 2 กลายเป็น new urbanized district แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
ขณะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา รามอินทราจะพัฒนาภายใต้แนวคิด Living Lab of Ramindra ถือเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 26 ปี เพื่อรองรับกลุ่มประชากรและ Catchment ที่เติบโตขึ้นจากหมู่บ้านเป็นคอนโด แนวราบเป็นแนวสูงที่มีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น รวมถึงพัฒนาตาม Transit-oriented development ให้เป็น TOD format ใหม่
นอกจากนี้ในปี 2563 ซีพีเอ็น ยังมีแผนที่จะปรับปรุงและขยายพื้นที่ศูนย์การค้าอีก 12 สาขาทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา บางนา, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่แอร์พอร์ต, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล มารีนา พัทยา, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุยและศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่
ทั้งหมดนี้ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน
ข่าวเด่น