เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 52-57 เหรียญสหรัฐฯ


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 52 - 57 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 57 - 62 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 
ไทยออยล์คาดแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (21 - 25 ต.ค. 62)
         
ราคาน้ำมันดิบคาดจะเผชิญกับแรงกดดันต่อจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าหลังคาดความต้องการใช้น้ำมันยังคงชะลอตัวลง รวมถึงปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ว่าจะมีความคืบหน้าและสามารถบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกที่ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง ตามข้อตกลงการปรับลดปริมาณการผลิต รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
         
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ 6 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาลของโรงกลั่น รวมถึงปริมาณการส่งออกที่คาดจะชะลอตัวลงเนื่องจากค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ไม่คุ้มค่าที่จะส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 9.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.9 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นปรับลดกำลังการกลั่นลงกว่า 0.22 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา 
         
จับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนว่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมก่อนการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ในเดือน พ.ย. 62 หรือไม่ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาทางด้านสหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า ส่งผลให้ทางสหรัฐฯได้มีการเลื่อนขึ้นภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวม 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯออกไปก่อน ขณะที่ทางจีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ได้มีการลงนามเป็นข้อตกลงแต่อย่างใด รวมถึงสหรัฐฯยังไม่ได้มีการล้มแผนการขึ้นภาษีกับสินค้าจีนอีกชุดหนึ่งมูลค่ารวม 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการเจรจารอบใหม่คาดจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือน ต.ค. นี้
         
ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีนี้ตามเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาลง หลังล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2562 ลงจากเดิมที่ร้อยละ 3.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ซึ่งนับเป็นการเติบโตในระดับที่น้อยที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี โดยสาเหตุหลักมาจากปริมาณการค้าและการลงทุนของโลกที่ชะลอตัวลงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมเริ่มหดตัวลง ขณะที่ในภาคบริการเริ่มมีการชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนของนโยบาย
         
ปริมาณน้ำมันดิบของเอกวาดอร์มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศคลี่คลายลง เนื่องจากทางรัฐบาลสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มผู้ประท้วงได้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติกลับมาผลิตน้ำมันดิบได้ตามปกติจากเดิมที่ปริมาณการผลิตปรับลดลงไปกว่า 0.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเทียบเท่ากับร้อยละ 40 ของกำลังการผลิตเดิม โดยคาดจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการกลับไปสู่ระดับปกติ 
         
การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง หลังกลุ่มผู้ผลิตยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตที่จะสิ้นสุดในเดือน มี.ค. 2563 โดยความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต (Compliance rate) ล่าสุดมากกว่า 100% ทั้งนี้กลุ่มโอเปกและนอกโอเปกจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 5 - 6 ธันวาคม เพื่อทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันในปีหน้า โดยตลาดคาดว่ากลุ่มผู้ผลิตจะมีการขยายระยะเวลาการปรับลดปริมาณการผลิตต่อไปจากเดิมอีก 
         
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตและบริการสหรัฐฯดัชนีภาคการผลิตและบริการยูโรโซน และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 - 18 ต.ค. 62)
         
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.92 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 53.78 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 1.09 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 59.42 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 59.8 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 9.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 2.9 ล้านบาร์เรล เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาลของโรงกลั่นน้ำมัน ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องที่ราว 12.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลกซึ่งเผชิญกับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตามราคายังได้รับแรงหนุนจากผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกที่ยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตลงต่อเนื่อง โดยระดับความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตล่าสุดมากกว่า 100% รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะต่ำลง

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ต.ค. 2562 เวลา : 19:30:23
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:01 pm