เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
คลังติดตามเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดพร้อมพิจารณามาตรการดูแล


กระทรวงการคลังติดตามประเมินเศรษฐกิจใกล้ชิดหลังสภาพัฒน์ประกาศตัวเลขล่าสุดและเร่งขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มในไตรมาส 3ให้ส่งผลเต็มที่ในไตรมาส 4พร้อมพิจารณามาตรการดูแลเศรษฐกิจที่เหมาะสมต่อไป

 
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในวันนี้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ได้แถลงข่าวเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2562 ว่าขยายตัวที่ร้อยละ 2.4 ต่อปีดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ปี 2562 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.3 โดยภาคการส่งออกยังคงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าที่ยืดเยื้อและสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำหดตัวลง นอกจากนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีบทบาทสูงในเศรษฐกิจไทยก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและการส่งออกที่ชะลอลงเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดีในส่วนของการลงทุนใหม่จากการประกอบกิจการใหม่และการขยายกิจการของโรงงานเดิมพบว่าในช่วง 1 มกราคม – 12 พฤศจิกายน 2562 มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นในกิจการโรงงาน 431,216 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 36.3 สะท้อนว่าภาพรวมการผลิตในอนาคตมีแนวโน้มขยายตัว และแม้ว่าในช่วง 1 มกราคม– 12 พฤศจิกายน 2562 จะมีกิจการโรงงานจำนวน 1,391โรงงานที่ยื่นขอปิดกิจการ  แต่การขอยื่นประกอบกิจการโรงงานใหม่มีถึง 2,889 โรงงาน มากกว่าปิดกิจการร้อยละ 107 และโรงงานที่เปิดอยู่เดิมก็ยังมีการขยายกิจการเพิ่มเติมอีกจำนวน 928 โรงงาน ขณะเดียวกันในส่วนของแรงงานถึงแม้ว่ามีการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการจำนวน 35,533 คนแต่มีการจ้างงานจากการประกอบกิจการใหม่ 84,033 คนและมีการจ้างงานเพิ่มจากการขยายโรงงานอีกจำนวน 84,704 คน 
 
สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องโดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ายังประเทศไทยในไตรมาส 3 ปี 2562 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 7.2เร่งขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2562 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.4ในด้านการบริโภคภาคเอกชน รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มภายในประเทศณ ราคาคงที่ (ที่หักรายได้พิเศษ) ในไตรมาส 3 ปี 2562 ขยายตัวที่ร้อยละ1.9 สูงขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2562 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.5 ซึ่งสะท้อนการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวได้

สำหรับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปคาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปี 2562 และปี 2563ขณะเดียวกันก็มีเครื่องชี้ที่สะท้อนแนวโน้มในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย  อาทิรายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ ณ ราคาคงที่(ที่หักรายได้พิเศษ) ล่าสุด ในเดือนตุลาคม 2562ที่ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 6.0 ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3ที่ขยายตัวร้อยละ 1.9
 
ทั้งนี้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้หน่วยงานของกระทรวงการคลังติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและเร่งดำเนินการขับเคลื่อนชุดมาตรการด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย มาตรการ “ชิมช้อปใช้เฟส 1”มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาตรการบรรเทาค่าครองชีพสำหรับสำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งมาตรการพักหนี้กองทุนหมู่บ้านของ ธ.ก.ส.และมาตรการกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ซึ่งประกอบด้วย มาตรการ “ชิมช้อปใช้เฟส 2”และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และล่าสุดมาตรการ “ชิมช้อปใช้เฟส 3”เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 รวมถึงการเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐวิสาหกิจซึ่งคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 100,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2562 นี้ เพื่อให้มาตรการต่างๆที่เริ่มในไตรมาส 3 สามารถส่งผลได้อย่างเต็มที่ในไตรมาส 4 โดยกระทรวงการคลังจะประเมินสถานการณ์และแนวโน้มของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและพร้อมที่จะพิจารณามาตรการดูแลเศรษฐกิจที่เหมาะสมต่อไป
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ย. 2562 เวลา : 23:05:12
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 3:03 pm