ธปท.ปรับนิยามสินเชื่อเอกชนครอบคลุมทุกตลาดทุน ทั้งเงินกู้และตราสารหนี้ หลังสถาบันรับฝากเงินไม่ใช่แหล่งเงินทุนเพียงรายเดียว ดันยอดหนี้แตะ 24.6ล้านลบ. จากเกณฑ์เดิมที่ 18.7 ล้านลบ.
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ปรับปรุง ข้อมูลสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงิน (Depository Corporations Private Credits)” โดยเปลี่ยนเป็น “เงินกู้ยืมและตราสารหนี้ภาคเอกชน (Private Credits)” โดยครอบคลุมถึงการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ สินเชื่อของข้อมูลสถาบันการเงินอื่นที่ไม่ได้รับฝากเงิน และสินเชื่อจากต่างประเทศ
สำหรับการปรับปรุงข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดการเงินพัฒนาไปมาก ภาคเอกชนมีช่องทางในการระดมทุนมากมาย สถาบันรับฝากเงินไม่ใช่หน่วยเศรษฐกิจเพียงรายเดียวที่เป็นแหล่งเงินทุน แต่หน่วยเศรษฐกิจอื่นก็สามารถเป็นแหล่งเงินทุนได้ จึงเป็นที่มาหลักของการทบทวนเครื่องชี้ดังกล่าวให้สะท้อนภาวะปัจจุบันมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ?สินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงิน (Depository Corporations Private Credits) ตามนิยามแบบเดิม ในเดือนตุลาคม 2562 มีค่าเท่ากับ 18.7 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 112% ของ GDP แต่ เมื่อปรับปรุง สถิติเงินกู้ยืมและตราสารหนี้ภาคเอกชน ตามนิยามใหม่แล้ว ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นเป็น 24.6 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 147% ของ GDP ซึ่งการเพิ่มขึ้นมาจากการขยายความครอบคลุมของแหล่งระดมทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นถือเป็นการนับรวมข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่การก่อหนี้เพิ่มขึ้น
ข่าวเด่น