ได้รับผลกระทบไปเหมือนกับหลายๆธุรกิจเหมือนกัน สำหรับภาพรวมตลาด ”โฮมช้อปปิ้ง” เนื่องจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมายังคงส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้สมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง (ประเทศไทย) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก “ทรูซีเล็คท์ ,ช้อปแชนแนล, โอช้อปปิ้ง ,ทีวีดีช้อป ,ไฮช้อปปิ้ง และทีวีไดเร็ค” ออกมาคาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจโฮมช้อปปิ้งในครึ่งปีหลังนี้น่าจะติดลบอยู่ที่ประมาณ 5% ขณะที่ครึ่งปีแรกสามารถถีบตัวขึ้นมาเติบโตได้ที่ประมาณ 12%
นอกจากปัจจัยลบในเรื่องของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแล้ว การคืนช่องของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ภาพรวมธุรกิจโฮมช้ออปิ้งอยู่ในภาวะถดถอย เนื่องจากรายได้ที่เคยได้รับต้องหายไปจากการคืนช่องของทีวีดิจิทัลทั้ง 7 ช่อง
เหตุและผลดังกล่าวทำให้ภาพรวมธุรกิจโฮมช้อปปิ้งในสิ้นปี 2562 นี้ อาจอยู่ในสถานการณ์ถดถอยเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง มีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% เริ่มจากปี 2558 ภาพรวมธุรกิจโฮมช้อปปิ้งมีมูลค่าอยู่ที่ 8,444 ล้านบาท เติบโต 17.5% ปี 2559 มีมูลค่า 9,840 ล้านบาท เติบโต 14.2% ปี 2560 มีมูลค่า 11,670 ล้านบาท เติบโต 15.7% และปี 2561 มีมูลค่า 13,820 ล้านบาท เติบโต 15.5%
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) แม่ทัพใหญ่ในการขับเคลื่อนตลาดโฮมช้อปปิ้งต้องออกมาปรับแผนรุก ด้วยการปรับโครงสร้างในการดำเนินธุรกิจครั้งใหญ่ เพื่อประคองรายได้ ปิดบัญชีปี 2562 นี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทจะปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้วยโมเดลและภาพลักษณ์ใหม่จนได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แต่จากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบไปบ้างพอสมควร แต่อย่างไรก็ดีจากการที่ทีวีไดเร็คมีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถประคับประคองยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจและมั่นใจว่ายอดขายปี 2562 นี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 4,450 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ที่จะถึงนี้ ทีวีไดเร็คจะเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ ‘Lean Strategy’ ด้วยการสร้างเสริมธุรกิจ ลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน บริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนควบรวมกิจการในเครือที่มีลักษณะคล้ายกัน
จากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมามีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตที่ดีในอนาคตและรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในยุคดิสรัปชั่น โดยการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ด้วยการแบ่งธุรกิจของทีวีไดเร็ค ออกแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 1.ธุรกิจแบบ B2C (Business to Consumer) จะเน้นธุรกิจที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เพื่อพัฒนาสินค้าในกลุ่ม Bedding Fitness และ Small Appliance ที่ตรงใจผู้บริโภคและได้เสริมความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ โดยเพิ่มเติมสินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะช่วยเพิ่มกำไรได้ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ยังจะมีการใช้โมเดลการขายสินค้าแบบ Omni Channel ได้เริ่มส่งผลบวกต่อทุกช่องทาง ขณะที่ลูกค้าก็ให้การตอบรับที่ดีและชื่นชอบในสิ่งที่ ทีวีไดเร็คนำเสนอสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาสัมผัสสินค้าที่ร้านและสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ก็เข้ามาที่หน้าร้านเพื่อขอทดลองใช้สินค้า
นายทรงพล กล่าวต่อว่ากลุ่มธุรกิจแบบ B2C นั้นจะประกอบไปด้วย 4 บริษัท คือ 1.บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TV Direct Public Company Limited (TV Shopping Business) 2.บริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง จำกัด หรือ TVD Shopping Co., Ltd. (Home Shopping Business) 3.บริษัท เมิกซ์ 915 จำกัด หรือ Merx 915 Co., Ltd. (Online Business) และ 4. บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด หรือ TVD M Co., Ltd. (Satellite Channel & Platform)
ขณะที่ธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) จะเป็นธุรกิจแนวใหม่เพื่อรองรับเทรนด์ Direct to Consumer ที่กำลังมาแรง เนื่องจากเจ้าของแบรนด์สินค้าเริ่มเข้าใจว่าลูกค้าที่เป็น End User มีความสำคัญมากและการใช้เทคโนโลยีรวมถึงเครื่องมือการตลาดจะช่วยตัดตัวกลางเพื่อเริ่มสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง
ดังนั้นในการนำเสนอบริการของทีวีไดเร็คจะมีเมนูให้แบรนด์สินค้าเลือก ทั้งแบบ Full Course ที่ตอบสนองทุกความต้องการได้ในจุดเดียวหรือเลือกใช้บริการเฉพาะอย่าง ซึ่งบริการดังกล่าว ทีวีไดเร็ค มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากมีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 20 ปี เช่น บริการ Call Center ทั้ง 5 ประเภท โดยเฉพาะระบบ Telesales ที่ออกแบบและพัฒนาเพื่อการขายสินค้าทางโทรศัพท์แบบครบวงจรหรือการบริหารจัดการ Individual Order จาก Call Center จนถึงมือลูกค้า พร้อมจัดเก็บข้อมูลได้แบบเฉพาะเจาะจงอีกด้วย
นอกจากจะปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดแล้ว ทีวีไดเร็คยังมีการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ ด้วยการเลื่อนตำแหน่ง นายทรงพล ชัญมาตรกิจ เป็น Group CEO เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ B2B โดยใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงขยายการลงทุนธุรกิจที่มีศักยภาพในยุค Disruption
ขณะเดียวกันก็ได้ทำการเลื่อนตำแหน่ง นายธนะบุล มัทธุรนนท์ จากกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวีดีช้อปปิ้ง จำกัด เป็นตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เพื่อบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป การออกมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุกิจดังกล่าว ทีวีไดเร็ค มั่นใจว่าปี 2563 จะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน
ข่าวเด่น