การตลาด
สกู๊ป "โกลด์ซิตี้"ประกาศทรานฟอร์มธุรกิจปลุก 2 กลยุทธ์ชิงแชร์ตลาดรองเท้า


ถือเป็นบริษัทที่มีประวัติยาวนานอีกหนึ่งบริษัทของประเทศไทยก็ว่าได้สำหรับ “โกลด์ซิตี้ ฟุตเทค” โดยในปี 2563 นี้ก็จะครบรอบ 70 ปี ของการดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้า ภายใต้แบรนด์ “โกลด์ซิตี้”  (GOLDCITY) และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 “โกลด์ซิตี้ ฟุตเทค” ก็ออกมาประกาศแผนเชิงรุกทวงบัลลังก์แชมป์รองเท้านักเรียน  ด้วยการทรานฟอร์มธุรกิจแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็นการปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่หรือการปลุก 2 กลยุทธ์หลักมัดใจลูกค้า เพื่อผลักดันให้สิ้นปี 2563 นี้มีรายได้ทะลุเป้า 500 ล้านบาท


สำหรับรองเท้าที่ “โกลด์ซิตี้” จะนำทวงบัลลังก์แชมป์ คือ รองเท้านักเรียน เนื่องจากที่ผ่านมามีความแข็งแกร่งในด้านของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแต่เนื่องจากไม่ได้มีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างจริงจัง  จึงทำให้ยอดขายมีอัตราการเติบโตไม่มากนัก ซึ่งนอกจากจะนำรองเท้ามาเป็นตัวชูโรงในการทำตลาดปีนี้แล้ว “โกลด์ซิตี้”ยังจะนำรองเท้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์มาเสริมทัพการทำตลาดในปีนี้อีกด้วย 
 

 
 
นายสุเมธ  จินาพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตเทค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าภายใต้แบรนด์ “โกลด์ซิตี้” (GOLDCITY) กล่าวว่าในวาระครบรอบ 70 ปีของโกลด์ซิตี้ บริษัทมีนโยบายเดินหน้าสร้างแบรนด์ “โกลด์ซิตี้” เพื่อรุกตลาดรองเท้าเมืองไทยเต็มรูปแบบ ตอกย้ำความเป็นผู้ริเริ่มผลิตรองเท้า และสร้างตลาดรองเท้านักเรียนจนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเริ่มตั้งแต่การควบรวมกิจการให้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งในส่วนของการผลิต การขายและการตลาด เพื่อให้บริหารจัดการได้สะดวก รวดเร็ว รวมทั้งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่องในตลาดรองเท้าเมืองไทย

 
 
 
ขณะเดียวกัน “โกลด์ซิตี้” ยังได้มีการปรับเปลี่ยนตราสินค้า (โลโก้) ใหม่โดยเปลี่ยนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ  “GOLDCITY” เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เพื่อให้ทันสมัยและมีความโดดเด่น นอกจากนี้ยังมีการปรับโทนสีให้เหมาะสมกับเทรนด์โลกและปรับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Brand  Positioning) และสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) ถึงศักยภาพและผลิตภัณฑ์ของโกลด์ซิตี้ว่า ไม่ใช่โดดเด่นเฉพาะรองเท้านักเรียนเท่านั้น แต่ปัจจุบันโกลด์ซิตี้เป็นผู้ผลิตรองเท้าแฟชั่น รองเท้ากีฬา และรองเท้าอื่นๆจำนวนมาก ทั้งภายใต้แบรนด์ของตนเองและการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์อื่นทั้งในไทยและต่างประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย  ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา แอฟริกา และประเทศในแถบยุโรป เป็นต้น

ปัจจุบันโกลด์ซิตี้ ถือเป็นผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับถึงมาตรฐานระดับโลก โดยมีใบรับรองการผลิตจากหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ISO9001 และ มอก. นอกจากนี้ยังมีแผนกวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อศึกษาและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดีไซน์ การผลิต เพื่อตอบโจกย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย

สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่ “โกลด์ซิตี้”จะนำมาใช้ เพื่อสร้างยอดขายในปีนี้จะเน้นไปที่การสื่อสาร เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้แบรนด์ (Brand Identity) และสื่อถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรองเท้าระดับแนวหน้าของประเทศ เนื่องจาก “โกลด์ซิตี้” เป็นผู้พัฒนาและผลิตรองเท้ารูปแบบต่างๆ มายาวนานที่สุดในประเทศไทย

 
 
 
 
นอกจากนี้ “โกลด์ซิตี้” ยังมีแบรนด์สินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่  “โกลด์ซิตี้” (GOLDCITY) แบรนด์รองเท้าที่สามารถตอบสนองได้ทุกไลฟ์สไตล์  “จี-พลัส” (G-PLUS) แบรนด์รองเท้าสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ตั้งแต่ระดับ  B-A+ หรือตลาดพรีเมี่ยม และ“ฟาสต์” (FAST) แบรนด์รองเท้าสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อระดับปานกลาง ตั้งแต่ระดับ C-B+  พร้อมนำเสนอข้อมูลสินค้า  ความเคลื่อนไหวขององค์กร ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง  เพราะปัจจุบันบริษัท มีไลน์สินค้า 10 หมวด อาทิ รองเท้านักเรียน , รองเท้าแฟชั่น , รองเท้าฟุตบอล , รองเท้าฟุตซอล , รองเท้าวิ่ง , รองเท้าเพื่อสุขภาพ , รองเท้าแตะ , รองเท้าคัชชู  และแอคเซสเซอรี่ต่างๆ อาทิ ถุงเท้า  เสื้อ เป็นต้น

นายสุเมธ กล่าวต่อว่านับจากนี้ไปบริษัทจะมุ่งรุกทำตลาดรองเท้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น ซึ่งเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีการขยายตัวและเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับตลาดรองเท้าในเซ็กเม้นท์อื่นๆ โดยการมุ่งสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ผ่าน 2 กลยุทธ์หลักได้แก่ “Sport Marketing” การนำแบรนด์โกลด์ซิตี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่างๆ โดยจะเริ่มเป็นผู้สนับสนุนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีษะเกษ ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47 หรือ “ศรีษะเกษเกมส์” ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-15 ธันวาคม 2563 และ “Entertainment Marketing”  โดยการเข้าสนับสนุนมหกรรมดนตรี Thailand Band Knockout 2020 การประกวดดนตรีระดับมัธยมศึกษา และคอนเสิร์ตต่างๆ อาทิเช่น ริมผา, Paradisefest, สายนุ่ม, และสหายออฟฟิศFest เวทีที่เปิดกว้างให้เด็กได้แสดงความสามารถทางดนตรี  รวมไปถึงการสนับสนุนการแข่งขันเกมส์อี-สปอร์ต เป็นต้น”

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปี “โกลด์ซิตี้”  ได้เตรียมจัดกิจกรรมฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยการใช้งบการตลาดกว่า 60 ล้านบาท  สนับสนุนการกิจกรรมต่างๆ  เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น  ขณะเดียวกันยังจะเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย และขยายช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลาย  จากปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 ร้านทั่วประเทศ

หลังจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างหนักตลอดทั้งปี “โกลด์ซิตี้”คาดหวังว่าผลประกอบการที่จะปิดในสิ้นปี 2563 นี้ น่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 550 ล้านบาทตรงตามเป้าหมายที่วางไว้  เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ  500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากรองเท้านักเรียน 65% รองเท้าแฟชั่น 30% และอื่นๆ  5% โดยกลุ่มรองเท้าที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโตมากที่สุดไม่ต่ำกว่า 10%  คือ กลุ่มรองเท้าผ้าใบ Brand GOLDCITY  

ภาพรวมรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายหรือเปล่าคงต้องมารอลุ้น โดยเฉพาะยอดขายในกลุ่มของรองเท้านักเรียน เพราะปีนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่มีการแข่งขันกันรุนแรง เพราะแบรนด์อื่นๆ ก็เริ่มออกมาทำการตลาดมากขึ้นเห็นได้ชัดก็แบรนด์นันยาง  ส่วนใครจะได้ยอดขายมากหรือน้อยคงต้องวัดกันที่กลยุทธ์การตลาดว่าสิ่งที่คิดมาตรงใจผู้บริโภคแค่ไหน  เพราะปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว

ดังนั้นหากใครอยากได้ยอดขายเยอะๆ คงต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้ดีว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพื่อนำสิ่งนั้นไปพัฒนาเป็นสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภค เพราะหากหากลยุทธ์มามัดใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ ยอดขายที่ได้รับจะไปไหน
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.พ. 2563 เวลา : 09:13:24
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 1:12 am