“ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” สั่งบูรณาการงบ ประมาณ ศธ. นำจัดสรรช่วยเหลือประชาชนด้านต่างๆและต้องถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาCOVID-19 พร้อมออก 7 มาตรการ หวังสร้างเกราะป้องกันการแพร่ระบาดในองค์กร ศธ.ทั่วประเทศ จี้ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดถือปฏิบัติขั้นสูงสุด โดยมีผลทันทีวันนี้ (20มี.ค.)
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรี?ว่าการ?กระทรวง?ศึกษาธิการ? เปิดเผยว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก
“ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่การเริ่มระบาด โดยรัฐบาลได้กำหนดมาตรการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อได้เป็นอย่างดี” นายณัฏฐพล กล่าว
นายณัฏฐพล ยังเน้นย้ำว่าจากสถานการณ์ COVID-19 ในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ดังนั้นเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.)ตนเองได้ conference กับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ จึง?ได้มีแนวทางให้หน่วยงานในสังกัด พิจารณา?การจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2563 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ ซึ่งถือเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล
“ผมได้เน้นย้ำให้การใช้จ่ายงบประมาณในครั้งนี้ ต้องไปถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง” นายณัฏฐพล กล่าวย้ำ
นายณัฏฐพล กล่าวอีกว่าในวันนี้ตนเองยังได้ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 20 มีนาคม 2563 เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ถือปฏิบัติ ดังนี้
1. ให้บุคลากรทุกคน ติดป้ายแสดงตนตลอดเวลาปฏิบัติงาน สำหรับผู้เข้ามาติดต่อราชการต้องแลกบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรที่ทางราชการออกให้ ทุกครั้ง
2. ให้ข้าราชการที่เข้ารับการอบรมตามโครงการอบรมพัฒนาข้าราชการครูบรรจุใหม่ หลักสูตร “การเป็นข้าราชการที่ดี” รุ่นที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 96 คน เมื่อวันที่ 5- 14 มีนาคม 2563 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบและปฏิบัติงานในช่วงวันดังกล่าว หยุดปฏิบัติราชการและเฝ้าระวังตนเอง เป็นเวลา 14 วัน และรายงานอาการให้ผู้บังคับบัญชาชั้นตันทราบ
3. มอบงานให้บุคลากรในสังกัดปฏิบัติงานที่บ้านตามความเหมาะสม และส่งเสริมให้ใช้ระบบอินเตอร์เน็ต เช่น ประชุมทางไกล เป็นต้น โดยเปิดเครื่องมือสื่อสารเพื่อให้สามารถติดต่อได้ตลอดเวลาและให้ทุกหน่วยงาน หน่วยงานทางการศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดบุคลากรหมุนเวียน สลับวันทำงาน วันเว้นวัน ยกเว้นผู้บริหารระดับสูง ระดับตัน อำนวยการระดับสูง ระดับต้น และประเภทวิชาการชำนาญการพิเศษ ประเภททั่วไป ระดับอาวุโส (ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม/ฝ่าย/งาน) รวมถึงประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญและระดับทรงคุณวุฒิ รวมทั้งแม่บ้าน นักการภารโรง รปภ.ให้มาปฏิบัติงานตามปกติ
4. ให้ทุกหน่วยงานจัดตั้งจุดคัดกรองและเจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิทางร่างกาย ในทุกทางเข้า-ออกของอาคาร โดยทำการตรวจวัดอุณหภูมิทางร่างกาย ทุกคน ทุกครั้งที่เข้า-ออกอาคาร หากพบว่ามีไข้สูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเชียส ให้กลับบ้านเพื่อเฝ้าระวังตนเอง เป็นเวลา 14 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา และปฏิบัติตนตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรายงานอาการ ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
5. ให้ทุกหน่วยงาน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีคุณภาพ และทำความสะอาดพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทุก 30 วัน
6. จัดให้มีแอลกอฮอล์เจล ทุกจุดเข้าออกอาคาร ห้องประชุม สำนักงาน สถานที่ปฏิบัติงาน หน้าลิฟท์ ฯลฯ
7. การจัดประชุม อบรม สัมมนา ให้ใส่หน้ากากอนามัยและจัดให้นั่งห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตร รวมทั้งให้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข่าวเด่น