การตลาด
สกู๊ป "พิษโควิด-19"ทุบอุตสาหกรรมโฆษณาเดือนมี.ค.วูบติดลบ 5%


เริ่มเห็นผลกระทบเป็นภาพที่ชัดเจนแล้วสำหรับอุตสาหกรรมโฆษณาของไทย หลังจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาและเริ่มมีการแพร่ระบาดมากขึ้นในช่วงเดือนมี.ค. เห็นได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ทะลุขึ้นไปถึงตัวเลข 3 หลัก


ผลกระทบที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างออกมาตัดงบในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจเมื่อเกิดเหตุการณ์ลดงบ แน่นอน เม็ดเงินที่เคยไหลเข้าในอุตสาหกรรมโฆษณาก็ปรับลดลง โดยเฉพาะในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมามีการขยายตัวติดลบสูงถึง 5%

 
 
 
จากข้อมูลของบริษัท นีลเส็น ประเทศไทย ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณาในช่วงเดือนมี.ค. 2563 ที่ผ่านมามีการขยายตัวติดลบอยู่ที่ 5% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,213 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมี.ค. 2562 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,279 ล้านบาท โดยสื่อที่มีการติดลบมากที่สุด คือ สื่อโรงหนังติดลบอยู่ที่ประมาณ 44% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 361 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่่มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 642 ล้านบาท ตามด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ ติดลบอยู่ที่ประมาณ 42% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 310 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 534 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีสื่อในอาคาร ติดลบที่ประมาณ 29% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 81 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 114 ล้านบาท สื่อวิทยุ ติดลบอยู่ที่ประมาณ 19% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 330 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 407 ล้านบาท สื่อนอกอาคารและสื่อเคลื่อนที่ ติดลบอยู่ที่ประมาณ 11% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,066 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,201 ล้านบาท และสื่อทีวีติดลบที่ 2% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,138 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,279 ล้านบาท

ส่วนสื่อที่มีอัตราการเติบโตเป็นบวกมีเพียงสื่อเดียว คือ อินเตอร์เน็ตมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 23% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 1,503 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าต่างๆหันมาปรับแผนในการใช้สื่อมาเป็นสื่ออินเตอร์เน็ต เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดและมีราคาถูกเมื่อเทียบกับสื่อดั้งเดิม(traditional media)

 
 
อย่างไรก็ดีแม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในเดือนมี.ค.จะติดลบถึง 5% แต่หากนำมารวมกับ 2 เดือนแรกของปี ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาของไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปีก็ยังมีการขยายตัวเป็นบวกที่ 1% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 28,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 28,436 ล้านบาท โดยมีสื่ออินเตอร์เน็ต เติบโตมากที่สุดประมาณ 23% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,547 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 4,510 ล้านบาท ตามด้วยสื่อทีวี เติบโตที่ประมาณ 2% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 16,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 16,219 ล้านบาท

สำหรับสื่อที่มีการขยายตัวติดลบมากที่สุดในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา คือ สื่อสิ่งพิมพ์ติดลบอยู่ที่ 33% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 952 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 1,423 ล้านบาท ตามด้วยสื่อในอาคารติดลบอยู่ที่18% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 243 ล้านบาท สื่อโรงหนังติดลบอยู่ที่ 15% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,422 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 1,668 ล้านบาท สื่อวิทยุ ติดลบอยู่ที่ 10% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 947 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 1,057 ล้านบาท สื่อนอกอาคารและสื่อคลื่อนที่ ติดลบที่ 4% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 3,093 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 3,227 ล้านบาท

ทั้งนี้หากดูเม็ดเงินโฆษณาโดยแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนม.ค.- มี.ค. 2563 คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 4,034 ล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง (Personal Care & Cosmetic) ) มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 3,836 ล้านบาท และลำดับที่ 3 คือ กลุ่ม Media & Marketing ) มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า2,837 ล้านบาท โดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) ใช้เม็ดเงินโฆษณาลดลง 2% กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง (Personal Care & Cosmetic) ใช้เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น 4% และกลุ่ม Media & Marketing ใช้เม็ดเงินโฆษณาลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มยา (Pharmaceuticals) มูลค่า1,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45%,กลุ่มการเงินและธนาคาร ประกันภัย (Finance) มูลค่า1,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ (Electrical Products) มูลค่า 632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว (Travel) มูลค่า1,049 ล้านบาท ลดลง 27% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) มูลค่า 347 ล้านบาท ลดลง 26%

 
 
 
ในส่วนของบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดของเดือนม.ค.- มี.ค. 2563 ใน 3 อันดับแรก คือ บริษัท UNILEVER (THAI) HOLDINGS CO.,LTD. มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 1,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 51% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือใหม่ Comfort น้ำเดียว ซันซายน์ อันดับ 2 คือ บริษัท LIFESTAR CO.,LTD. มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 703 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือ อัลติแมตคอลลาเจน โกลด์ และอันดับ 3 คือ บริษัท PROCTER & GAMBLE (THAILAND) มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 491 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 25% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา คือ ใหม่ ดาวน์นี่หอมติดทนนาน ยิ่งกว่าน้ำหอมราคาแพง

เดือน มี.ค.ติดลบไปแล้ว 5% มาลุ้นกันว่าจบเดือนเม.ย. อุตสาหกรรมโฆษณาจะติดลบเป็นตัวเลขเท่าไร
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 เม.ย. 2563 เวลา : 08:54:38
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 5:07 am