การตลาด
สกู๊ป พิษ"โควิด-19"ซัดธุรกิจอีเวนต์ทรุดยาวถึงต้นปี 64"อินเด็กซ์"เร่งเสริมวัคซีนธุรกิจ


ระยะเวลาเพียง 2 เดือนที่เชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโควิด -19 เข้ามาระบาดอย่างหนักในประเทศไทย หลายธุรกิจก็เริ่มระส่ำระสาย เนื่องจากไม่สามารถเดินหน้าทำธุรกิจได้ หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไปแบบเต็มๆนั่นก็คือ ธุรกิจอีเวนต์  เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ทำให้เกิดการรวมตัวของคนจำนวนมาก เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สามารถติดได้โดยง่ายด้วยการสัมผัสและการกระจายตัวของสารคัดหลั่งทำให้ “อีเวนต์”เป็นธุรกิจแรกๆที่หยุดชะงัก


แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยจะเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแต่เชื้อไวรัสนี้ไม่ได้หมดไปง่ายๆ และปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสโคโรน่าว่ามีการแพร่ระบาดกระจายไปถึง 30 สายพันธุ์  ประกอบกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของเราในภูมิภาคอาเซียนยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ที่เหมือนสถานการณ์จะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นเพราะควบคุมได้ในช่วงเดือนมี.ค. 2563 แต่พอก้าวเข้าสู่ช่วงเดือนเม.ย. 2563 ตัวเลขกลับเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึง 1,426 คน ขณะที่อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในหลักร้อย ส่วนประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังคงนั่งแท่นอันดับ 1 ของจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงที่สุดในวันละหลักหมื่น

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยยังไม่สามารถไว้วางใจเชื้อไวรัสตัวนี้ แม้ว่าในบางพื้นที่และบางธุรกิจจะมีการผ่อนปรนให้สามารถออกมาใช้ชีวิตและทำธุรกิจได้ แต่สิ่งที่ยังคงต้องปฏิบัติกันต่อไปจนกว่าโรคนี้จะหายขาด คือ การเว้นระยะห่างทางสังคม(Social Distancing) ใส่หน้ากาก ล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ และสบู่อย่างต่อเนื่อง

แน่นอนเมื่อประเทศไทยยังต้องทำการเว้นระยะห่างทางสังคม(Social Distancing) ต่อไปอีกพักใหญ่  ธุรกิจอีเวนต์ต่างๆต้องไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน เบื้องต้นมีการวิเคราะห์ว่า หากธุรกิจอีเวนต์จะกลับมาเริ่มจัดงานและฟื้นตัวได้เร็วสุดน่าจะเป็นไตรมาส 4 ของปีนี้หรืออย่างช้าสุดต้นปี 2564   
 

 
 
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในฐานะผู้ประกอบการมองว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 น่าจะเริ่มคลี่คลายในเดือนต.ค. 2563 เดือนนี้น่าจะเริ่มเห็นบรรยากาศการจัดงานอีเวนต์บ้างประปราย ซึ่งในส่วนของอีเวนต์ที่จะจัดไม่น่าใช่อีเวนต์บันเทิง แต่ถ้าหากไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์โรคโควิด -19 ยังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างน่าจะคลี่คลายและเดินหน้าได้ในต้นปี 2564 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ธุรกิจอีเวนต์น่ามีเม็ดเงินหายไปมหาศาลและเป็นธุรกิจที่มีความเจ็บปวดมากที่สุด

อย่างไรก็ดีหากเทียบประสบการณ์ทำธุรกิจมา 30 ปี วิกฤติต้มยำกุ้งถือว่าหนักกว่านี้ แม้ไม่มีการล็อคดาวน์แต่คนไม่มีเงินจัดอีเวนต์เลย กว่าทุกอย่างจะกลับมาฟื้นได้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี แต่ผลกระทบที่เกิดจากโรคโควิด -19 ในครั้งนี้เชื่อว่าภาคธุรกิจน่าจะฟื้นตัวได้เร็ว 

นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่าภาพรวมของธุรกิจอีเวนต์ต่างๆ รวมกันมูลค่าเป็นแสนล้าน คาดว่าพิษโควิด-19 จะเล่นงานทำให้ภาพรวมตลาดเกิดการหดตัวประมาณ 80%ในปีนี้ ส่วนภาพรวมของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1,600 ล้านบาท เนื่องจากอีเวนท์ไม่สามารถจัดได้เลยและดูไบ เอ็กซ์โป มีการเลื่อนการจัดงานออกไป เบื้องต้นคาดว่าจะมีการเลื่อนออกไป 1 ปี เป็นเดือนต.ค.2564 โดยขณะนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
 

 
 
 
และเพื่อให้ก้าวผ่านวิกฤติไปให้ได้ ล่าสุด อินเด็กซ์ฯได้มีการเปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ชื่อแบรนด์ KILL & KLEAN เพื่อเดินหน้าขยายพอร์ตของธุรกิจในบริการพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อแบบพรีเมียมทั่วประเทศ โดยขณะนี้ได้เริ่มเปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว ซึ่งในระยะสั้น นายเกรียงไกรบอกว่าได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เนื่องจากหลายคนยังมีความกังวลกับการแพร่ระบาดแต่หากมองในระยะยาวก็เชื่อว่าธุรกิจลักษณะนี้จะกลายมาเป็น New Normal หรือกลายเป็นความสำคัญหลักในการดำรงชีวิตอีกด้วย

จากผลการตอบรับที่ดีทำให้ปัจจุบัน อินเด็กซ์ฯมีพาร์ทเนอร์ที่สนใจเข้าร่วมธุรกิจเฟรนไชส์ KILL & KLEAN ในหลายพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร นนทบุรี  สมุทรปราการและเพื่อให้การบริการครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทำให้ อินเด็กซ์ฯมีแผนที่จะขยายพาร์ทเนอร์ไปในกลุ่มของผู้ประกอบธุรกิจบริการด้านโรงแรมและร้านอาหาร โดยมีแพ็คเกจเริ่มต้นลงทุนที่ 200,000 บาท 250,000 และ 300,000 บาท ได้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งหลังจากลงทุนจะมีโอกาสคืนทุนได้ภายใน 1 เดือน  โดยตลอดระยะเวลาที่เข้ามาร่วมเนพาร์ทเนอร์มีทีมจาก Kill & Klean คอยให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือในการหาซื้ออุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ตลอดเวลา
 

 
 
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่าบริษัทมีพนักงานร่วม 400 ชีวิตและต้องหาเงินดูแลพนักงาน การเลี้ยง“คน”และประคองธุรกิจองค์กรให้ยืนระยะได้บนวิกฤติจึงต้อง “ปรับตัว”หารายได้เข้ามายังบริษัท เมื่อเห็น “โอกาส” ทางการตลาดเปิดให้บริการพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อแบบพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ “KILL & KLEAN” ชูคอนเซปต์ผู้นำเทคโนโลยีเพื่อปกป้องคุณและคนที่คุณรัก โดยชิมลางให้บริการแก่หน่วยงานองค์กรรัฐ เอกชนและที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลังจากทดลองทำก็พบว่าได้ผลตอบรับเป็นไปในทิศทางที่ดี

การออกมาขยายธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการลดความเสี่ยง แม้ว่าการเปิดให้บริการพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อแบบพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ “KILL & KLEAN” จะเป็นธุรกิจเล็กๆ วางเป้ารายได้เพียง 20-30 ล้านบาทเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการออกสตาร์ทสู่ธุรกิจที่ไม่ใช่อีเวนต์ (Non-Event business)ที่ดี เพื่อสร้าง"วัคซีน” ธุรกิจให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งปีหน้าจะเห็นธุรกิจที่ไม่ใช่อีเวนท์เพิ่ม 3 โปรเจค
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 เม.ย. 2563 เวลา : 08:00:35
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 2:47 am