การตลาด
สกู๊ป "ไลฟ์โค้ช"แนะ 5 วิธีรักษาพลังบวกสู้วิกฤติโควิด-19 หลังส่อยืดเยื้อชนครึ่งปีหลัง


การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ COVID -19 ที่แพร่ระบาดเข้ามาในประเทศไทยและคาดว่าจะยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้ตอนนี้องค์กรและภาคธุรกิจต่างๆเริ่มมีความกังวล เนื่องจากหลายธุรกิจเกิดการหยุดชะงัก ผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้บางองค์กรต้องปรับลดพนักงาน บางองค์กรมีการปรับลดเงินเดือนพนักงานและบางองค์กรต้องปิดกิจการไปเพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้


จากปัญหาที่เกิดขึ้น หลายคนเริ่มมีการตั้งคำถามว่า “เราจะผ่านมันไปได้อย่างไร” ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างนี้ นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง Mindset เพื่อความสำเร็จ ระบุว่าสิ่งสำคัญที่เราต้องปฏิบัติอย่างมีวินัยและต่อเนื่องในตอนนี้ คือ การปรับ Mindset เพื่อสร้างพลังบวกให้กับตัวเอง เพราะสิ่งนี้จะนำพาชีวิตของเราก้าวไปสู่ความสำเร็จ
 
 

 
 
 
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ เราจะทำอย่างไรให้พลังบวกยังคงอยู่กับเรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ฯมี 5 วิธีรักษาพลังบวก ในสถานการณ์เลวร้าย มาแนะนำดังนี้ 1. การปกป้องร่างกาย ชีวิต ความคิด จิตใจ ให้แข็งแรง สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ คือการดูแลตัวเองให้ดี แม้ว่าตอนนี้เราจะออกไปข้างนอกไม่ได้ แต่เราก็สามารถออกกำลังกายอยู่บ้านได้ ด้วยการเปิด Youtube เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจและระบบอื่นๆทำงาน เมื่อระบบโล่ง ความเครียดก็จะลดลงและก็จะมีความคิด มีความหวังที่จะเดินไปข้างหน้า อย่าไปกังวลและอย่าไปสนใจข่าวไม่ดีมากเกินไป ถ้าเราเติมพลังความถูกต้องเข้าไปเยอะๆ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เราก็จะมีความกระปรี้กระเปร่า ร่างกายมีความตื่นตัว

แม้ว่าตอนนี้รายได้ของเราจะหายไป ธุรกิจค้าขายทำได้ยากขึ้น เราก็ต้องคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่เราคนเดียว แต่มันเกิดขึ้นกับคนทั่วโลก เราต้องคิดแบบมีความหวัง ด้วยการฟังแนวคิดดีๆ เข้าไปดูไปหาข้อมูลในสื่อโซเชียลมีเดีย อ่านหนังสือดีๆสัก 4-5 เล่ม เพื่อเสริมกำลังใจ ทำอย่างนี้ทุกวัน เราก็จะคุมอารมณ์ตัวเองได้ และมีความตื่นตัว พาเราเดินหน้าต่อไปข้างหน้าได้

2.การปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างคล่องแคล่ว การปรับตัวตามสถานการณ์ให้ทันถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในขณะนี้ เมื่อก่อนเราเคยเที่ยวตรงนั้นตรงนี้ คุยกับคนนั้นคนนี้ ถึงจะอยู่ได้แต่ช่วงนี้เราต้องอยู่บ้านเราต้องทำกิจกรรมที่ส่งเสริมเรา ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะไม่เคยทำเรื่องนั้นเลยแต่เดี๋ยวนี้จำเป็นต้องทำ เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เช่น เมื่อก่อนไม่เคยสนใจการใช้โซเชียลมีเดียเลย ไม่เคยคิดจะอ่านหนังสือเลย ตอนนี้เราต้องทำ ต้องปรับความคิดให้มีความยืดหยุ่น อย่ายึดติดเปลี่ยนจากคนมี Fixed Mindset(การยึดติดอยู่ในกรอบความคิดเดิมๆ) เป็น Growth Mindset (ความเชื่อที่ว่าความสามารถนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอด)

3.การบริหารเงินอย่างถูกต้อง ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เราต้องบริหารเงินเท่าที่จำเป็นและประหยัด ไม่บุกในเรื่องของการลงทุนเพิ่ม ส่วนการลงทุนที่ยังค้างคาอยู่ต้องรีบตัดให้จบโดยเร็ว จะซื้อกินซื้อใช้ต้องทำแบบพอเพียงเท่านั้น เพื่อให้เรายืนสถานการณ์ให้ได้นานที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะจบลงเมื่อไหร่ เราต้องดูแลเงินของเราให้สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตของเราเป็นจำนวนเดือนให้ได้

 
 
 
4. มีแผนงานรองรับในการเดินไปข้างหน้า การแพร่ระบาดของโรค COVID -19 ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เราไม่รู้ว่า 1 เดือนต่อจากนี้ หรือ 3 เดือนต่อจากนี้ ชีวิตจะเดินไปข้างหน้าอย่างไรจะทำงานตรงไหน จะแก้ปัญหางานอย่างไร จะส่งมอบผลงานอะไรให้กับเจ้านาย จะบริหารแผนกของเราอย่างไร เพราะเราไม่ได้ทำงานจากที่เดียวกันแล้ว เนื่องจากต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานจากที่บ้าน ทั้งหมดนี้ต้องมีแผนการรองรับว่าเราจะสื่อสารกับคนของเราอย่างไร สื่อสารกับลูกน้องหัวหน้าอย่างไร ยิ่งใครที่เป็นระดับผู้จัดการยิ่งต้องคิดแผนการเผื่อ เพื่อช่วยกันคิดช่วยกันทำสามารถรับผิดชอบองค์กร ชีวิต และคนในครอบคัวได้

5.การเป็นส่วนหนึ่งของทีม ขององค์กร ของสังคม และของประเทศชาติ  ทีมที่กล่าวมานี้จะมีตั้งแต่ทีมที่ทำงานด้วยกัน ทีมที่อยู่ครอบครัวเดียวกัน เราต้องเป็นส่วนหนึ่งห้ามแยกจากกัน สิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องรู้สึกดี ช่วยส่งเสริม ผลักดัน อยากช่วย อยากแบ่งปันเพราะทุกคน คือ ทีมเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้ว สูงไปกว่านั้น เรายังต้องเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศชาติ พอสังคมและประเทศชาติขอให้เราอยู่บ้าน ให้เราดูแลตัวเองให้ดีอย่าไปติดเชื้อ เพราะมันจะกระจายไปสู่คนหลายสิบคน หลายร้อยคน สิ่งเหล่านี้เราต้องเคารพกติกา
 

 
 
 
ในขณะเดียวกันเราก็ต้องใช้ความสามารถทุกทาง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีม ด้วยการปฏิบัติงานอย่างมีวินัยและมี Mindset ที่ดี แม้ว่าจะต้อง Work From Home (WFH) เราก็ต้องส่งพลังให้ทีม เมื่อเราส่งพลังให้ทีม ทีมก็จะส่งพลังให้เรา เมื่อทีมมีพลัง ทีมก็จะส่งพลังไปยังองค์กรและส่งกลับมาหาเรา ถ้าทุกคนมีพลังหมุนเวียนที่ดีก็จะนำไปสู่การเดินต่อและฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้ไปได้

นอกจากนี้ นายนพกฤษฏิ์ ยังระบุอีกว่าจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้หลายองค์กรเริ่มมีการปรับลดพนักงาน ให้พนักงานพักงานและมีการปรับลดเงินเดือน เพื่อองค์กรไปต่อได้ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นมาเป็นระลอก เพื่อให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายไปต่อได้ ควรมีการปฏิบัติตัวเพื่อรับมือดังนี้ 1.การลดค่าใช้จ่ายให้เหลือเท่าที่จำเป็นจากเดิมที่อาจจะเคยซื้อของราคาแพง กินอาหารราคาแพงก็ปรับลดลงมาซื้อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น 

2. การเจรจาพักหนี้กับสถาบันทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้านหรือหนี้รถ เพื่อให้เราไปต่อได้  3. การพัฒนาความสามารถของตนเอง เช่น การเรียนสิ่งใหม่ๆไม่ว่าจะเป็น การตลาดดิจิทัล  การเรียนรู้เรื่องโซเชียลมีเดีย หรือการพัฒนาความสามารถใหม่ๆ เพื่อให้เรามีทางเลือกในการทำงานมากขึ้น 4. การเป็น 1 ใน 20% ของคนที่มีศักยภาพในองค์กร  ด้วยการพัฒนาศัยภาพของตัวเองให้เพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งแรกที่ทุกคนควรทำ คือ การปรับ Mindset และกลยุทธ์ที่ 5 คือการใช้เวลาว่างอย่างถูกต้องด้วยการมีสติในการใช้ชีวิต เช่น การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ของตัวเองและการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในองค์กรที่ดี เป็นต้น
 
จากคำแนะนำดังกล่าวหากทุกคนทำได้ ต้องผ่านวิกฤติโรคร้ายนี้ไปได้อย่างแน่นอน

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 เม.ย. 2563 เวลา : 08:17:11
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 2:40 pm