ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX อยู่คู่กับนักลงทุนไทยมากกว่า 14 ปี มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น สภาพคล่องการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวโดยปัจจุบันมีการซื้อขายกันมากกว่า 5 แสนสัญญาต่อวัน
กว่าจะมาถึงวันนี้ TFEX เผชิญอะไรมามากมาย เช่นเดียวกันนักลงทุนที่ต้องเผชิญกับภาวะตลาดหุ้นที่เปลี่ยนไปตลอด 14 ปีที่ผ่านมา โดยมุมมองของหนึ่งในนักลงทุนรุ่นแรกของ TFEX และเป็นผู้ที่เคยมีวอลุ่มการเทรด SET50 Index Futures สูงท่านหนึ่งในตลาดอย่าง ทรงเดช ประดิษฐสมานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท สำนักงาน เอินส์ท แอนด์ ยัง จำกัด มองว่า ตลาด TFEX เติบโตได้อย่างรวดเร็ว และการลงทุนในTFEX ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบเก็งกำไรโดยใช้กราฟเทคนิคเท่านั้น แต่สามารถลงทุนด้วยการประเมินจากภาวะเศรษฐกิจภาพรวมได้
“ผมลงทุนใน TFEX ตั้งแต่เปิดให้บริการซื้อขายเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ในสมัยนั้น ตลาดเงียบเหงามาก ไม่คึกคักเหมือนทุกวันนี้ ผมจำได้ว่า ในช่วงเริ่มต้น ผมลงทุน SET50 Index Futures เทรดไปเทรดมา กลายเป็นผมมีวอลุ่มการซื้อขายส่วนใหญ่ของตลาด และ TFEX ก็เติบโตเรื่อยมา จนถึงทุกวันนี้ตลาด Futures ก็คึกคักมากกว่าสมัยก่อน”
เหตุการณ์ในรอบ 14 ปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับ TFEX ที่ชัดเจนอยู่ในความทรงจำของคุณทรงเดช และสะท้อนให้เห็นว่าภายใต้วิกฤติก็ยังมีโอกาสสำหรับตลาดนี้ นั่นก็คือ ในช่วงปี 2550 ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าเกินไป ตอนนั้นผมได้ศึกษาภาวะเศรษฐกิจ มองว่าเป็นแบบนี้ต่อไปประเทศไทยไปไม่ไหวแน่ และคาดว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย น่าจะมีการแทรกแซงค่าเงิน หรือมีมาตรการควบคุมอะไรออกมาเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ผมเลยกำหนดกลยุทธ์การเทรดเพื่อรับกับสถานการณ์ค่าเงินบาทที่น่าจะอ่อนค่า
และสิ่งที่ผมคิดก็เกิดขึ้นจริง วันหนึ่งผู้ว่าการ ธปท. ประกาศควบคุมเงินตราต่างประเทศที่เข้ามาในไทย โดยให้ชำระเงิน 30% ของเงินที่เข้ามา นักลงทุนตื่นตระหนกมาก ดัชนีตลาดหุ้นในเวลานั้นปรับตัวลดลงมากว่า 15% ซึ่งผมก็ได้กำไรจากการลงทุนขายสัญญาล่วงหน้า และด้วยความมั่นใจผมก็เอากำไรที่ได้มาลงทุนเพิ่มไปอีก โดย 2 วันที่ผมผ่านเหตุการณ์นั้น ผมได้กำไรมากมาย และ 2 วันนั้นเป็นวันเปลี่ยนชีวิตของผมให้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือน สู่การเป็นนักลงทุนใน TFEX ด้วย
ในมุมมองผู้คร่ำหวอดใน TFEX มาตั้งแต่วันแรกมองว่า สถานการณ์ปัจจุบันการลงทุนใน TFEX แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ 1. การเก็งกำไรแบบสูงมากๆ กับ 2. การลงทุนแบบหาผลตอบแทนตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในมุมมองผมมองว่าการลงทุนในแบบหลังนี้น่าจะเหมาะสมมากกว่า นักลงทุนที่ดีจะหนีการพนัน จะสามารถยับยั้งตัวเองไว้ได้ หากทำได้แบบนี้จะช่วยด้านการลงทุนได้มาก ถ้าเรามองว่าเป็นการพนันแล้วก็ควรหยุดไว้ดีกว่า อย่างเฮจด์ ฟันด์ หลายบริษัทก็ขาดทุนไปเยอะ เพราะเขาไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงมากเท่าที่ควร
การลงทุนใน TFEX ควรเป็นการกำหนดกลยุทธ์ในระยะยาวมากกว่าจะเทรดวันต่อวัน โดยส่วนตัวนั้นใช้หลักด้านเศรษฐศาสตร์ มองเศรษฐกิจมหภาคมากกว่า เพราะถ้าให้เทรดโดยใช้กราฟเทคนิค เราสู้คนที่เทรดแบบดูหน้าจอไม่ไหว และยอมรับว่า เป็นห่วงการเทรดแบบเดย์เทรดมาก มีหลายคนเทรดแบบเทคนิคใน TFEX เพื่อเพิ่มเงินทุนในกระเป๋า ยอมรับความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งถ้าหากไม่เป็นไปตามที่หวังจะเกิดอะไรขึ้น การขาดทุนก็เกิดขึ้นได้และมีโอกาสเสียหายสูงด้วย
สำหรับคำแนะนำ ใครที่สนใจอยากลงทุนใน TFEX ส่วนตัวจะเลือกลงทุนใน Futures ที่ครบกำหนดในไตรมาสถัดไป และเราต้องวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจ โอกาสจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร อย่างเมื่อต้นปีนี้ตลาดหุ้นตกมา 30% แล้วไต่กลับมา 20% เพราะ COVID-19 ต้องถามว่า COVID-19 จะน่ากังวลขนาดไหน อย่างปีนี้อาจจะได้รับผลกระทบเยอะ แต่ในปีถัดไป การเติบโตของเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้ดีเช่นกัน ต้องมองเป็นเรื่องของการลงทุนและภาพรวมขนาดใหญ่ ถ้าทำแบบนี้ได้ก็จะประสบความสำเร็จจากการลงทุนแน่นอน
ข่าวเด่น