ธุรกิจนาฬิกาถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 เนื่องจากผู้บริโภคไม่สามารถออกมาจับจ่ายใช้สอยได้นับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.ต่อเนื่องมาจากถึงเดือน พ.ค. ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดใหม่ ด้วยการหันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำตลาดมากขึ้น เพื่อรักษายอดขายในช่วงที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการขยายช่องทางจำหน่ายให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้น เนื่องจากช่องทางออนไลน์สามารถจำหน่ายสินค้าได้วงกว้างกว่าการจำหน่ายแบบขายหน้าร้าน ดังนั้น นาฬิกาหลายแบรนด์จึงหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดในช่องทางออนไลน์ เช่นเดียวกับแบรน์ CITIZEN ที่ล่าสุดหันมาให้ความสนใจจำหน่ายสินค้าในช่องทางออนไลน์มากขึ้น หลังทดลองแล้วได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี
น.ส.ศรินญา มหาดำรงค์กุล ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา CITIZEN กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน หรือภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้บริษัทต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพราะท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส
เริ่มจากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคว่าระหว่างที่เกิดวิกฤตว่ามีพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างไร ซึ่งหลังจากทำการศึกษาก็ทำให้พบว่า ผู้บริโภคให้ความสนใจซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถออกไปซื้อสินค้านอกบ้านได้ ดังนั้น แบรนด์ CITIZEN จึงเลือกที่จะใช้ช่องทางออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ ในการจำหน่ายสินค้า ด้วยการผนึกกำลังกับแบรนด์อีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่างช้อปปี้ ในการนำแบรนด์นาฬิกา CITIZEN มาจำหน่ายในช่องทางออนไลน์
หลังจากเริ่มนำแบรนด์นาฬิกา CITIZEN เข้ามาจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ของช้อปปี้ตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักคนรุ่นใหม่ อายุ 18-40 ปี เพราะคนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมตัดสินใจเร็วและศึกษาข้อมูลของสินค้ามาเเล้วอย่างดีก่อนตัดสินใจซื้อ
ขณะเดียวกัน ยังเป็นกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมชอบเสาะหาสินค้าแบรนด์ต่างๆ จากแหล่งออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่าย ยิ่งถ้ามีโปรโมชั่นเข้ามาช่วยในการทำตลาด ยิ่งทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีความสนใจที่จะสั่งซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ CITIZEN ก็ได้มีการทำโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่องทางออนไลน์เช่นกัน
น.ส.ศรินญา กล่าวว่า หลังจากเกิดวิกฤตโรคโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ ผู้คนนิยมการซื้อสินค้าทางออนไลน์และกล้าที่จะช้อปสินค้าที่มีมูลค่าสูง รวมถึงนาฬิกาแบรนด์ที่ราคาสูงโดยไม่ต้องชมสินค้าก่อน เพราะผู้บริโภคยุคใหม่มีการศึกษาสินค้ามาเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากบริษัททำตลาดในช่องทางออนไลน์ส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ในครึ่งปีเเรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงกว่า 250% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562
จากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ทำให้ แบรนด์ CITIZEN มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมียอดขายออนไลน์เติบโตสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการทำกิจกรรมการตลาด และประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการจับมือกับพันธมิตรอย่างช้อปปี้ อีมาร์เกตเพลสยักษ์ใหญ่ระดับภูมิภาค ในการวางจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ CITIZEN ผ่านทาง CITIZEN Official Store ควบคู่ไปกับการทำแคมเปญใหม่ๆ ที่น่าสนใจและคุ้มค่า เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค
ความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวทำให้ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ ต้องออกมาปรับสัดส่วนยอดขายออนไลน์ในปี 2563 นี้เป็น 30% จากเดิมมีสัดส่วนยอดขายออนไลน์เพียง 5% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 70% มาจากช่องทางการขายออฟไลน์ หรือหน้าร้าน
นายศิวกร สิริวงศ์ภาณุพงศ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงที่ภาคธุรกิจและแบรนด์ต่างปรับตัวเพื่อตอบรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุค New Normal บริษัทรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่แบรนด์นาฬิกาชั้นนำอย่าง CITIZEN ไว้วางใจให้ 'ช้อปปี้' เป็นพันธมิตรจะที่ช่วยเสริมแกร่งทางด้านการเชื่อมต่อและการเข้าถึงฐานลูกค้าบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฐานลูกค้ายุคใหม่ที่มีความชำนาญในการใช้งานแอพพลิเคชั่นของอีคอมเมิร์ซอยู่แล้ว โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพชั้นนำจาก CITIZEN ได้อย่างสะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัสได้ในร้าน CITIZEN Official Store บนช้อปปี้ ที่การันตีด้วยคุณภาพของแท้และการจัดส่งระดับมืออาชีพ
สำหรับการก้าวเข้ามาสู่โลกอีคอมเมิร์ซของแบรนด์ CITIZEN ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในโอกาสที่แบรนด์จะสามารถยกระดับการสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเหล่าผู้ใช้งานให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ผ่านการใช้งานฟีเจอร์ยอดนิยมบนช้อปปี้ อย่าง Shopee Live และ Shopee Feed อีกด้วย
นายศิวกร กล่าวอีกว่า บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือของทั้งสองพันธมิตรในครั้งนี้ จะสามารถช่วยผลักดันให้แบรนด์ CITIZEN สามารถไปเข้าถึงกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ได้อย่างตรงจุดและสามารถสร้างยอดจำหน่ายที่ตั้งเป้าหมายไว้ สอดรับกับเจตนารมณ์ของช้อปปี้ ที่ต้องการยืนหยัดเคียงข้างร้านค้า ผู้ประกอบการ และแบรนด์พันธมิตร ให้สามารถเติบโตบนโลกอีคอมเมิร์ซได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
หลังจากปรับกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าว แบรนด์ CITIZEN น่าจะได้ผลการตอบรับดีเหมือนที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสนใจซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น และจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ CITIZEN ที่เป็นผู้สร้างสรรค์นาฬิกาตัวจริง ตั้งแต่การสร้างชิ้นส่วนนาฬิกาแต่ละชิ้น ไปจนถึงขั้นประกอบเป็นเรือนนาฬิกา CITIZEN น่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี แม้ว่าลูกค้าหลักอย่างกลุ่มนักท่องเที่ยวจะหายไป แต่จากการปรับกลยุทธ์ในครั้งนี้ก็น่าจะชดเชยรายได้ที่หายไปได้พอสมควร เพราะไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถช้อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์ของช้อปปี้ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
ส่วนจะมีสัดส่วนยอดขายออนไลน์เป็นไปตามเป้าหมายที่ 30% หรือไม่นั้น คงต้องรอดูหลังจากจบปี 2563 ซึ่งก็เหลือเวลาอีก 5 เดือนเศษที่แบรนด์ CITIZEN จะต้องพิสูจน์ฝีมือ
ข่าวเด่น