การตลาด
PHOL โชว์ครึ่งแรกปี 63 กำไรอู้ฟู่โต 242.04% อยู่ที่ 48.73 ลบ. โตกว่าปีที่แล้วทั้งปี


PHOL แรงต่อเนื่อง โชว์งบครึ่งแรกปี 63 กำไรสุทธิทะยานโต 242.04% อยู่ที่ 48.73 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ กำไรโตกว่าปีที่แล้วทั้งปีเรียบร้อยแล้ว ด้านรายได้อยู่ที่ 518.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.36% งบ Q2/63 กำไรสุทธิอยู่ที่ 18.37 ล้านบาท พุ่งแรง 958.82% รายได้อยู่ที่ 245.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.68% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หนุนความต้องการสินค้าด้านความปลอดภัยเติบโต ครึ่งปีหลังมองแนวโน้มยังสวย เตรียมจัดทัพสินค้าบุกตลาดต่อเนื่อง และขยายลูกค้าใหม่เพิ่มเติม มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10-15% ตามแผน บอร์ดประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 9 กันยายนนี้ 

 
นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ  PHOL ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมครบวงจร รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2563  บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 18.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 958.82% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.73 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมอยู่ที่ 245.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.68% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 221.79 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปี 2563  บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 48.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242.04% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 14.25 ล้านบาท นอกจากนี้ กำไรสุทธิยังสูงกว่าปี 2562 ทั้งปี ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 41.42 ล้านบาท ด้านรายได้จากการขายและให้บริการรวมอยู่ที่ 518.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.36% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 461.76 ล้านบาท สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.15% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.28% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
 
รายได้ที่เพิ่มขึ้นหลักมาจากการจัดจำหน่ายสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล และสินค้าเพื่อการควบคุมสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีความต้องการใช้สินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือยางและถุงมือไนไตร ชุดป้องกันเชื้อโรค เป็นต้น ถึงแม้ปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังมีความจำเป็นต้องใช้สินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตามวิถีปฏิบัติใหม่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
 
โดยสัดส่วนรายได้ในไตรมาส 2/2563 มาจากการเติบโตในกลุ่มสินค้าเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือ SAFETY สัดส่วนรายได้อยู่ที่ 75.61% ของรายได้จากการขายและให้บริการทั้งหมด คิดเป็นรายได้ 185.60 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.68 % ด้านกลุ่มสินค้าเพื่อการควบคุมสภาพแวดล้อม หรือ CE สัดส่วนรายได้อยู่ที่ 21.59% คิดเป็นรายได้ 52.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เนื่องจากได้รับอานิสงส์ในสินค้ากลุ่มป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคหรือบริโภค หรือ WATER มีสัดส่วนอยู่ที่ 2.8% คิดเป็นรายได้ 6.88 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากลูกค้าบางรายมีการชะลอคำสั่งซื้อจากสถานการณ์โควิด-19
 
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก (วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563) ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 25 สิงหาคม 2563 และจ่ายปันผลวันที่ 9 กันยายน 2563
 
“ผลงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยกำไรสุทธิครึ่งปีแรกทำสถิติสูงสุดใหม่และโตกว่าปีที่แล้วทั้งปี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเพื่อความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และยังคงมีความต้องการต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้บริโภคต้องให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัยมากขึ้น เป็นโอกาสให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตต่อเนื่องในอนาคต” นายบุญชัย กล่าว
 
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลายในประเทศไทย แต่ยังมีความจำเป็นต้องใช้สินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล และอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องตามวิถีปฏิบัติใหม่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค โดยเฉพาะถุงมือไนไตรที่มีความต้องการอย่างสูงในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้านลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาเดินหน้าธุรกิจ จึงมั่นใจรายได้ปี 2563 เติบโต 10-15% ได้ตามเป้าหมาย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 ส.ค. 2563 เวลา : 16:15:24
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 10:02 pm