หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งไทยและต่างประเทศในระดับสากล ล่าสุดบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ออกมาประกาศว่าจะรุกธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม ธุรกิจเครื่องดื่ม และธุรกิจบริการด้านความงามและไลฟ์สไตล์อย่างเต็มรูปแบบ
ก่อนหน้านี้ เจเคเอ็นฯ ได้มีการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่รวม 3 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัทเจเคเอ็น แฮร์นาว จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจการรักษาปัญหาด้านเส้นผมครบวงจร โดย JKN จะเข้าไปถือหุ้น 70% 2. บริษัท เจเคเอ็น ออร่า จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่ง JKN จะถือหุ้น 50% ดำเนินธุรกิจคลินิคศัลยกรรมตกแต่ง และ 3.บริษัท เจเคเอ็น วันดี คอลเลจ จำกัด ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดย JKN ถือหุ้น 30% เพื่อดำเนินธุรกิจสถาบันสอนทำอาหาร
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม JKN หลังย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมุ่งสร้างการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับโอกาสนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหุ้น JKN แบบระยะยาว หลังจากบอร์ดอนุมัติแผนจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุน เพื่อรุกขยายธุรกิจ สู่การเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม ธุรกิจเครื่องดื่ม ธุรกิจบริการด้านความงามและไลฟ์สไตล์
แผนการดำเนินงานดังกล่าว เจเคเอ็นฯ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ภายหลังจากที่ เจเคเอ็นฯ เข้าทำรายการตามที่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดเสร็จสิ้นแล้ว การดำเนินงานของ เจเอเอ็นฯ จะแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มธุรกิจ Content ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมที่จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งนำเข้าและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ และรายการข่าวการเงินเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศ และ 2. กลุ่มธุรกิจ Commerce ประกอบด้วย สินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม สินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจร ที่ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มและไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
นอกจากนี้ เจเคเอ็นฯ ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจ ด้วยการต่อยอดจากความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำตลาดจากกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้กลยุทธ์ ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ สนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจ Commerce แข็งแกร่งและผลักดันให้ผลการดำเนินงานธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว
สำหรับแผนการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจคนเทนต์นั้น เจเคเอ็นฯ ยังคงเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก โดยในปี 2564 ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อยู่ที่ 50% เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวสู่การเป็นบริษัท Global Company ในอุตสาหกรรมค้าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลก ภายใน 3 ปีข้างหน้า
นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า Key Success ที่ทำให้เราก้าวเป็นผู้นำตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคนี้ คือ ความเชี่ยวชาญในการทำตลาด และความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งวันนี้บริษัทพร้อมแล้วที่จะนำความเชี่ยวชาญนี้ไปต่อยอดสู่ธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม และสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นก้าวใหม่ครั้งสำคัญของบริษัทที่ต้องการนำพาธุรกิจในเครือให้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายรายได้ 5,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีนับจากนี้
น.ส.กมลรัตน์ มงคลครุธ รองกรรมการผู้จัดการสายงานขาย บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำจุดแข็งด้าน CEO Branding และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในเชิงการตลาด (Creative Content Marketing) มาช่วยสื่อสารการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจ Commerce ผ่านรูปแบบรายการต่างๆ ทั้งการผลิตคอนเทนต์โดย JKN (JKN Originals) ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 20 รายการ และการ tie-in สินค้า ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ต เวิร์ค และบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นจากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ เจเคเอ็น จะทำการตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลักๆ ได้แก่ 1. หมวดสินค้าสุขภาพและความงาม เช่น C-TRIA by Anne JKN (ซีเทรีย) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อผิวสวยสุขภาพดี และแก้ไขปัญหาผิวถึงระดับยีน / Olig Fiber (โอลิก ไฟเบอร์) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อรูปร่างดีช่วยดีท็อกซ์ปรับสมดุลในลำไส้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก วัย 1 ขวบขึ้นไป ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทั้ง IQ และ EQ บำรุงสมองและสารสื่อประสาทที่มีผลต่อความจำสมาธิ และ Hair Now (แฮร์ นาว) ผลิตภัณฑ์ปลูกหนวด คิ้ว ผมให้ดกดำแข็งแรง เป็นต้น
2.หมวดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ได้แก่ อาหารแห้งและอาหารสำเร็จรูปแบรนด์ หมี่วอย และ ทูฟิต เครื่องดื่มสมุนไพรสกัด และ เครื่องดื่มสมุนไพรสกัดผสมวิตามิน ภายใต้แบรนด์สินค้า CUPID (คิวปิด) 3. หมวดสินค้าบริการด้านความงามและไลฟ์สไตล์ ได้แก่ ธุรกิจสอนทำอาหาร คลินิคศัลยกรรมตกแต่งความงาม
ขณะเดียวกัน ยังจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ปีละ 40-50 รายการ ในช่วง 1-2 ปีนับจากนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ควบคู่ไปกับการกระจายสินค้าไปทุกช่องทาง ทั้งร้านค้าปลีกทั่วไป (Traditional Trade) และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั่วประเทศ รวมไปถึงช่องทาง E- Commerce
ด้าน นายธีรภัทร เพ็ชรโปรี รองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กล่าวว่า กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ Commerce ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการสร้างรายได้และกำไรขั้นต้นที่ดีและสูงกว่ากลุ่มธุรกิจ Content ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 45% หลังจากต้นทุนค่าจำหน่ายลิขสิทธิ์มีราคาต่ำลง และเชื่อมั่นว่า โมเดลธุรกิจที่กำลังจะเดินหน้าทำนับจากนี้ จะมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอนไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการบริการในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม หรือไลฟ์สไตล์ เพราะแต่ละธุรกิจล้วนแต่เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ด้วยเหตุปัจจัยนี้จึงทำให้มั่นใจว่าภาพรวมรายได้ในอีก 3 ปีนับจากนี้จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ส่วนธุรกิจไหนจะมีสัดส่วนเท่าไหร่ เป็นอย่างไรคงต้องรอดูผลการดำเนินงานในปีนั้นๆ
ข่าวเด่น