การเกิดขึ้นของโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าจะทำให้หลายธุรกิจได้หยุดชะงัก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้อีกหลายธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด หนึ่งในนั้นก็คือ ธุรกิจอุปกรณ์ฟิตเนส เนื่องจากปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น เพื่อให้ห่างไกลจากโรคร้าย เลยทำให้ภาพรวมธุรกิจอุปกรณ์ฟิตเนสมีการขยายตัวดีขึ้น แม้ว่าปี 2563 ธุรกิจฟิตเนสจะมีการขยายตัวไม่มากเหมือนกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แม้ว่าปีนี้ธุรกิจฟิตเนสจะขยายตัวต่ำ แต่หลายธุรกิจก็เริ่มให้ความสนใจนำอุปกรณ์ออกกำลังกายเข้าไปเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของตัวเองไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรมแรม หรือที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ รวมไปถึงธุรกิจโรงพยาบาล
จากความต้องการของหลายธุรกิจที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทผู้จำหน่ายอุปกรณ์ฟิตเนสได้รับอานิสงส์ไปแบบเต็มๆ เพราะจากเดิมยอดขายอุปกรณ์ฟิตเนสหลักๆ จะมาจากผู้ให้บริการฟิตเนส แต่ปัจจุบันธุรกิจโรงแรม และโรงพยาบาล รวมไปถึงที่อยู่อาศัยก็หันมาสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปบริการลูกค้ามากขึ้น
นายแดเนียล ไลน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จอห์นสัน เฮลธ์ เทค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ฟิตเนส อาทิ เมทริกซ์ (matrix) และฮอริซอน (horizon) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอุปกรณ์ฟิตเนสในปี 2564 น่าจะยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภค หน่วยงานภาครัฐ และภาคอกชนหันมาสนใจดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงปลอดภัยจากโรคระบาดที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ถือว่ามีความท้าทายสูง เพราะจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคไปด้วย เห็นได้จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในธุรกิจฟิตเนสหันมาเปิดให้บริการสอนออกกำลังกายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เป็นต้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีความโดดเด่นและหันมาสั่งซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายมากขึ้น คืออ กลุ่มธุรกิจสุขภาพอย่างโรงพยาบาล และคลินิกกายภาพ เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งหันมาเสริมบริการด้านกายภาพบำบัด และการฟื้นฟูสมรรถภาพหลังการรักษามากขึ้น
นอกจากนี้ ในด้านของคลินิกด้านกายภาพยังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น วอริกซ์ คลินิกกายภาพบำบัด (Warrix Physiotherapy) ของแบรนด์สินค้ากีฬารายใหญ่ ซึ่งการขยายตัวของธุรกิจคลินิกกายภาพและความต้องการอุปกรณ์ฟิตเนสของธุรกิจโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทั้ง 2 ธุรกิจมียอดสั่งซื้ออุกรณ์ฟิตเนสมากกว่าธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่ปัจจุบันอยู่ในสภาวะค่อนข้างซบเซา
นายแดเนียล กล่าวต่อว่า ในส่วนของดีมานด์จากบริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐ ก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตามอง เพราะปัจจุบันเริ่มมีความต้องการสร้างยิม หรือศูนย์ออกกำลังกายให้กับพนักงานของตัวเอง ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์คาดว่าน่าจะกลับมาลงทุนกับฟิตเนสเต็มที่อีกครั้งหลังจากความต้องการที่อยู่อาศัยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากบริการดังกล่าวถือเป็นจุดขายของโครงการ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการความคุ้มค่าจากการลงทุนซื้อโครงการอสังหาฯ ซึ่งฟิตเนสถือเป็นหนึ่งในบริการที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ นิยมนำมาเป็นจุดขาย เพื่อดึงความสนใจลูกค้า
ส่วนลูกค้าทั่วไปหรือบีทูซี ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพพอสมควร เนื่องจากหลายคนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งบางรายมีการซื้ออุปกรณ์ไปใช้เองที่บ้าน เลยทำให้ยอดขายอุปกรณ์การออกกำลังกายสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้เติบโตเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้การแข่งขันในธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ฟิตเนสมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากเดิมจะแข่งกันในเรื่องของฟังก์ชั่นเป็นหลัก ปัจจุบันเริ่มมีการแข่งขันในด้านของบริการหลังการขาย และราคามากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีผู้ประกอบการนำสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาจำหน่าย ทำให้ราคาขายค่อนข้างต่ำ
นายแดเนียล กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีผู้นำสินค้าจากจีนเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ด้วยการชูจุดขายในด้านของราคาที่ถูก แต่บริษัทก็ไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคจะให้ความสนใจกับแบรนด์สินค้าที่เชื่อถือได้มากกว่าราคาสินค้าที่ถูก
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ บริษัท จอห์นสัน เฮลธ์ เทค (ประเทศไทย) นับจากนี้จะหันไปให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสุขภาพทั้งในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนที่เน้นผู้ป่วยชาวไทย คลินิกกายภาพบำบัด และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ รวมไปถึงศึกษาโอกาสความร่วมมือกับสโมสรกีฬาต่าง ๆ เพื่อนำเสนอสินค้าซึ่งจะเพิ่มไลน์อัพอุปกรณ์ด้านกายภาพบำบัด และรักษาอาการบาดเจ็บให้หลากหลายขึ้น โดยอาจมีการจับมือกับสโมสรฟุตบอลร่วมเปิดศูนย์ฝึก และเข้ามาเป็นสปอนเซอร์โฆษณาในสนามแข่งอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ยังจะตอกย้ำจุดแข็งในเรื่องของการบริการหลังการขาย ด้วยการรับประกันสินค้า เช่น มอเตอร์ 5 ปี และตัวเครื่อง 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะให้บริการสินเชื่อซอฟต์โลนหรือโมเดลการเช่าซื้อ ให้เช่า หรือผ่อนชำระกับลูกค้าจากเดิมที่มีเพียงเครดิตเทอม 30-60 วัน เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มนำบริการดังกล่าวมาให้บริการได้ในช่วงต้นปี 2564 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้า
นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่เพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และรีโนเวตโชว์รูมที่บางนาและภูเก็ตรองรับสินค้าใหม่ที่จะนำเข้ามาจำหน่าย เสริมกับการเพิ่มคอร์สฝึกอบรมการดูแลรักษาเครื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งาน และบริการจัดคลาสออกกำลังกายตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการเพิ่มบริการในฟิตเนสของตัวเอง เช่น กลุ่มอสังหาฯ และโรงพยาบาล ซึ่งแนวทางดังกล่าวถือเป็นการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งปี 2563 รายได้จากลูกค้าในธุรกิจโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึง 20% ส่วนกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มียอดขายเติบโตเพียง 10% ลดลงจากเดิมที่เคยเติบโตปีละ 15-20%
ข่าวเด่น