ถือเป็นความเคยชินไปแล้วก็ว่าได้สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับมามีสถานการณ์รุนแรงอีกครั้ง หลังจากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ตลาดย่านบางแค เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมีความเข้าใจในปัญหา และมีการป้องกันตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโฆษณาเริ่มยิ้มออก เพราะหลายสินค้าเริ่มออกมาใช้จ่ายเงินผ่านการซื้อสื่อโฆษณา
จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ล่าสุดกลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด เอเยนซีชื่อดังในวงการโฆษณาออกมาคาดการณ์ว่า สิ้นปี 2564 นี้ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาอาจได้เห็นตัวเลขเป็นบวก ด้วยการมีอัตราการเติบโตจากปี 2563 ที่ประมาณ 5-10% โดยมีอุตสาหกรรมยานยนต์ประเภทรถยนต์เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด กล่าวว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ได้ผ่านวิกฤตจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการกระจายวัคซีนให้กับประชาชน จึงทำให้เริ่มเห็นสัญญาณต่างๆ ที่ดีขึ้น ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวน่าจะเริ่มเห็นสัญาณการฟื้นตัวที่ชัดขึ้นนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. เป็นต้นไป โดยในสิ้นปี 2564 นี้บริษัทคาดการณ์ว่าภาพรวมเม็ดเงินของอุตสาหกรรมโฆษณาน่าจะกลับมามีอัตราการเติบโตเป็นบวกอยู่ที่ประมาณ 5 - 10% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 79,600 ล้านบาท
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่น่าจะเข้ามาช่วยผลักดันให้เม็ดเงินโฆษณาในปีนี้กลับมาเติบโตอีกครั้งจะมีด้วยกัน 5 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มยานยนต์ประเภทรถยนต์ 2. อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 3.อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม 4.อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมและอุปกรณ์สื่อสาร 5.อุตสาหกรรมอีมาร์เก็ตเพลส
อย่างไรก็ดี แม้ว่ากลุ่มตลาดรถยนต์จะมียอดขายตกไปมากกว่า 20% ในปีที่ผ่านมา แต่ด้วยปัจจัยในเรื่องของผู้เล่นรายใหม่ที่มาจากประเทศจีน และกระแสความสนใจของรถยนต์ไฟฟ้า EV จึงทำให้อุตสาหกรรมในกลุ่มยานยนต์ประเภทรถยนต์กลับมาคึกคักอีกครั้ง เช่นเดียวกับกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมและอุปกรณ์สื่อสารที่ปีนี้จะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากช่วงปลายปีจะมีการเปิดให้บริการ 5G อย่างเต็มรูปแบบ
นายภวัต กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในคลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดบางแค เท่าที่ดูสถานการณ์ในขณะนี้ประชาชนมีความตื่นตระหนกน้อยลงเมื่อเทียบกับการแพร่ระบาดในครั้งที่ผ่านๆมา เนื่องจากประชนเริ่มมีความเคยชิน และทำใจยอมรับกับ Pandemic ในกลุ่มคลัสเตอร์ต่างๆ ประกอบกับปัจจุบันประชาชนมีการปรับตัวสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน คือ มีการป้องกันตัวเองจนเป็นนิสัยอยู่แล้ว
แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่หากไปดูภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ยังคงติดลบต่อเนื่องจากเดือน ม.ค. ซึ่งจากข้อมูลของนีลเส็น ประเทศไทย ระบุว่า ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมามีการขยายตัวติดลบอยู่ที่ 11% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 7,220 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 8,141 ล้านบาท
โดยสื่อที่มีการขยายตัวติดลบมากที่สุด คือ สื่อโรงหนัง ติดลบอยู่ที่ 37% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 336 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 465 ล้านบาท ตามด้วยสื่อเคลื่อนที่ ติดลบ 36% หรือมีมูลค่า 313 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 434 ล้นบาท สื่อเคเบิลทีวี/แซทเทลไลท์ทีวี ติดลบ 35% หรือมีมูลค่า 87% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 120 ล้านบาท สื่อนิตยสาร ติดลบ 33% หรือมีมูลค่า 44 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 66 ล้านบาท
ขณะที่สื่อในอาคารมีการขยายตัวติดลบอยู่ที่ 32% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 46 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 68 ล้านบาท สื่อวิทยุ ติดลบที่ 25% หรือมีมูลค่า 225 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 312 ล้านบาท สื่อหนังสือพิมพ์ ติดลบ 22% หรือมีมูลค่า 188 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 240 ล้านบาท สื่อนอกอาคาร ติดลบที่ 15% หรือมีมูลค่า 435 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 512 ล้านบาท และสื่อทีวี ติดลบที่ 11% หรือมีมูลค่า 4,809 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 5,406 ล้านบาท ส่วนสื่ออินเตอร์เน็ตมีมูลค่าอยู่ที่ 735 ล้านบาท ยังไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบกับปี 2563 เนื่องจากมีการปรับรูปแบบการเก็บข้อมูล
สำหรับภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2564 อุตสาหกรรมโฆษณามีการขยายตัวติดลบที่ 7% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 14,455 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 15,573 ล้านบาท โดยสื่อที่มีการขยายตัวติดลบมากที่สุด คือ สื่อเคเบิลทีวี/แซทเทลไลท์ทีวี ติดลบที่ 41% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 177 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 299 ล้านบาท ตามด้วยสื่อโรงหนัง ติดลบที่ 37% หรือมีมูลค่า 668 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 1,061 ล้านบาท สื่อเคลื่อนที่ ติดลบ 35% หรือมีมูลค่า 620 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 950 ล้านบาท สื่อวิทยุ ติดลบ 29% หรือมีมูลค่า 441 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 617 ล้านบาท
ส่วนสื่อนิตยสาร ติดลบที่ 28% หรือมีมูลค่า 92 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 127 ล้านบาท สื่อหนังสือพิมพ์ ติดลบ 18% หรือมีมูลค่า 408 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 496 ล้านบาท สื่อในอาคาร ติดลบ 17% หรือมีมูลค่า 99 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 119 ล้านบาท สื่อนอกอาคาร ติดลบ 13% หรือมีมูลค่า 901 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 1,031 ล้านบาท สื่อทีวี ติดลบ 5% หรือมีมูลค่า 9,547 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 10,099 ล้านบาท ส่วนสื่ออินเตอร์เน็ตมีมูลค่าอยู่ที่ 1,502 ล้านบาท ยังไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบกับปี 2563 เนื่องจากมีการปรับรูปแบบการเก็บข้อมูล
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการใช้เม็ดเงินผ่านสื่อโฆษณามากที่สุดในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 2,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ตามด้วยกลุ่ม Media & Marketing ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจการขายตรง มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 2,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 2,038 ล้านบาท ลดลง -2%
ข่าวเด่น