การตลาด
สกู๊ป ''มาตรการผ่อนคลาย'' ไม่ช่วย!!! ''อุตสาหกรรมโฆษณา'' เดือน ก.ย.ยังติดลบหนัก 18%


แม้ว่าเดือน ก.ย.2564 ที่ผ่านมา จะมีมาตรการผ่อนคลายให้หลายกิจการกิจกรรมสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาไทยก็ยังติดลบหนักทุกสื่อ เนื่องจากผู้ประกอบการสินค้ายังไม่มีความมั่นใจในกำลังซื้อของผู้บริโภค  เพราะในแต่ละวันจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมาตรการผ่อนคลายในครั้งที่ผ่านๆมา 
 

จากผลสำรวจการใช้เม็ดเงินโฆษณาในช่วงเดือน ก.ย.2564 ที่ผ่านมา ของ นีลเส็น ประเทศไทย ระบุว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณา มีการติดลบอยู่ที่ประมาณ 18% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,650 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 8,144 ล้านบาท โดยสื่อที่มีการขยายตัวติดลบมากที่สุด คือ สื่อโรงหนัง ติดลบอยู่ที่ 98% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 13 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 538 ล้านบาท ตามด้วย สื่อเคลื่อนที่ ติดลบอยู่ที่ 40% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 247 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 403 ล้านบาท  

สื่อหนังสือพิมพ์ ติดลบอยู่ที่ 33% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 183 ล้านบาท  ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 275 ล้านบาท สื่อเคเบิลทีวีและแซทเทลไลท์ทีวี ติดลบที่ 31% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 104 ล้านบาท สื่อนิตยสาร ติดลบที่ 24% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 52 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 68 ล้านบาท  สื่อนอกอาคาร ติดลบที่ 16% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 414 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 492 ล้านบาท   
 

เช่นเดียวกับ สื่อวิทยุ ที่มีการขยายตัวติดลบที่ 16% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 251 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 298 ล้านบาท สื่อในอาคาร ติดลบที่ 11% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 51 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 57 ล้านบาท และ สื่อทีวี  ติดลบที่ 11% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 4,735 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,323 ล้านบาท ส่วนสื่อดิจิทัล มีมูลค่าอยู่ที่ 633 ล้านบาท ยังไม่มีการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมเดือน ก.ย.2564 จะติดลบ แต่ภาพรวม 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2564 ยังสามารถเติบโตอยู่ในแดนบวกได้ที่ 1% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 67,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 66,590 ล้านบาท โดยสื่อที่ยังสามารถเติบโตได้ คือ สื่อในอาคาร เติบโตที่ 7% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 486 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 456 ล้านบาท ตามด้วย สื่อทีวี เติบโตที่ 5% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 46,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า  44,258 ล้านบาท และ สื่อนอกอาคาร เติบโตที่ 2% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 4,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 4,349 ล้านบาท 

ส่วนสื่อที่มีการขยายตัวติดลบมากที่สุด คือ สื่อเคเบิลทีวีและแซทเทลไลท์ทีวี ติดลบที่ 37% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 734 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,169  ล้านบาท ตามด้วย สื่อโรงหนัง ติดลบที่ 34% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 1,838 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,787 ล้านบาท สื่อนิตยสาร  ติดลบที่ 18% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 443 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 537 ล้านบาท สื่อหนังสือพิมพ์ ติดลบที่ 17% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 1,854 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,236 ล้านบาท และ สื่อวิทยุ ติดลบที่ 11%  หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 2,367 ล้านบาท  ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,353 ล้านบาท             

สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาในช่วง 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.)  มากที่สุด คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food&Beverage) มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 13,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ตามด้วยกลุ่ม Media & Marketing ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจการขายตรง มีการใช้ม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 10,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% และ กลุ่มยานยนต์ (Automotive)มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 4,239 ล้านบาท ลดลง -8% 
 

ทั้งนี้ หากมาดูในส่วนของบริษัทที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ 1. บริษัท ยูนิลีเวอร์ (ไทย)โฮลดิ้งส์ จำกัด คิดเป็นมูลค่า 3,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ประมาณ 16% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา คือ ซันซิล สีชมพู ช่วยจัดทรงง่ายขึ้น 5 เท่า หอมนาน 72 ชม มีการใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวีคิดเป็นมูลค่า 29 ล้านบาท รองลงมา คือ วาสลีน ซุปเปอร์ วิตามิน บูสต์ผิวดูกระจ่างใส มีการใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวี คิดเป็นมูลค่า 27 ล้านบาท 

2.บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 2,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ประมาณ 15% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา คือ เนสกาแฟ ซองม่วง หวานน้อย อร่อยมาก มีการใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวี คิดเป็นมูลค่า 31 ล้านบาท รองลงมา คือ เนสกาแฟ ซองเขียว กลั่นความเข้ม เต็มรสเอซเปรสโซโรสต์ มีการใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวี คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท 

3.บริษัท พร็อคเตอร์ แอนด์แกมเบิล (ประเทศไทย) จำกัด มีการใช้เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่า 1,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ประมาณ 7% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา คือ เฮดแอนด์โชว์เดอร์ เหนือกว่า 5 เท่า มีการใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวี คิดเป็นมูลค่า 31 ล้านบาท รองลงมา คือ รีจอยส์ สีเขียวใหม่ ผมสลวย กลิ่นหอมติดยาวนาน มีการใช้เม็ดเงินทางสื่อทีวี  คิดเป็นมูลค่า 20 ล้านบาท 

จากเม็ดเงินที่ใช้ลดลงในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา คงต้องมาลุ้นกันต่อว่าในเดือน ต.ค.นี้ การใช้เม็ดเงินผ่านสื่อโฆษณาจะมีการปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ เพราะในช่วงเดือน ต.ค.มีการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมในอีกหลายกิจการกิจกรรม  ประกอบกับช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปีเป็นช่วงของหน้าขายสินค้า โดยเฉพาะช่วงหลังเดือน พ.ย.เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นช่วงที่ไทยเริ่มเปิดประเทศ ฉะนั้นภาพรวมการใช้เงินของหลายธุรกิจน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น

LastUpdate 16/10/2564 15:13:36 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:37 pm