เอสเอ็มอี
''ก.รัตนกฤต'' ถุงพลาสติกไทยปักหมุดเวทีโลก เปิดสูตรเจาะตลาด ตอบตรงโดนใจลูกค้า












ในอุตสาหกรรมผลิตถุงพลาสติกที่มีคู่แข่งจำนวนมาก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่าง “บริษัท ก.รัตนกฤต จำกัด” สามารถแทรกตัวและยืนหยัดอยู่ในวงการมานานเกือบ 20 ปี  ด้วยแนวคิดผลิตสินค้าที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า  อีกทั้ง ติดตามสำรวจเทรนด์ความต้องการของตลาดอยู่เสมอ แม้แต่ถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งลงถังขยะ ยังจุดประกายนำมาใช้เป็นโอกาสขยายตลาด  ผลักดันธุรกิจสามารถปักหมุดในเวทีการค้าระดับสากล 
 

กฤษ สงเกื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ก.รัตนกฤต จำกัด ผู้บริหารหนุ่มเติบโตในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจสร้างเครื่องจักรผลิตถุงพลาสติก รวมถึงผลิตถุงพลาสติก  เมื่อมีความพร้อม ได้ต่อยอดสร้างโรงงานผลิตถุงพลาสติกของตัวเองในนาม “บริษัท ก.รัตนกฤต จำกัด” เมื่อประมาณ 17 ปีที่แล้ว   เน้นตลาดส่งออกต่างประเทศ เพราะเห็นโอกาสที่ตลาดโลกมีความต้องการสินค้าถุงพลาสติกสูง 
 

สิ่งสำคัญที่ทำให้เอสเอ็มอีรายนี้ ชนะใจคู่ค้ารายใหญ่จากทั่วโลกได้เสมอ  กฤษ ระบุว่า มาจากมีพื้นฐานความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรการผลิตถุงพลาสติก ต่างจากผู้ประกอบการในธุรกิจนี้รายอื่น ๆ  ส่วนใหญ่มักจะชำนาญเฉพาะการตลาด  ดังนั้น จึงสามารถรีบศักยภาพเครื่องจักรออกมาได้เต็มที  ช่วยให้ผลิตได้ปริมาณสูงขึ้น หลากหลายรูปแบบ และบริหารต้นทุนได้ดี  ช่วยให้สามารถผลิตถุงพลาสติกได้ตรงความต้องการลูกค้า ทั้งเรื่องรูปแบบ และราคา
 

“ธุรกิจนี้ เวลาลูกค้าต้องการหาสินค้าถุงพลาสติก เขาจะไม่จำว่า เป็นถุงยี่ห้ออะไร แต่จะจำว่า ผลิตมาจากโรงงานใด ด้วยประสบการณ์ที่เราอยู่ในวงการนี้มานาน ประกอบกับชำนาญด้านเครื่องจักร สามารถทำงานยากๆ ได้ ในราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้าเชื่อถือ เลือกใช้บริการจาก ก.รัตนกฤต” เจ้าของธุรกิจหนุ่ม เสริม 
 

นอกจากนั้น ยังมุ่งแสวงหาโอกาสให้ธุรกิจอยู่เสมอ ผ่านการเฝ้าสังเกตสิ่งรอบตัว  เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูล พัฒนาสินค้า ช่วยขยายตลาด และตอบความต้องการของคู่ค้าได้โดนใจจริง ๆ  แม้แต่ถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งลงถังขยะ  ที่คนทั่วไปไม่เห็นค่า  ยังถูกใช้เป็นแหล่งที่มาของข้อมูลการตลาด    
 

“สินค้าของผมเป็นถุงพลาสติก ผมเลยมักจะสังเกตถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งตามถังขยะเพื่อจะดูเทรนด์  หลายครั้ง ทำให้ผมได้ออเดอร์  ตัวอย่าง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมไปเจรจาการค้าที่แอฟริกา  คู่ค้าก็พาผมไปกินร้านอาหารติดชายทะเล  ผมก็สังเกตถังขยะ กับพวกถุงขยะที่อยู่ตามชายทะเล  บังเอิญ มีถุงพลาสติกใบหนึ่ง ปลิวลอยขึ้นมา ผมก็สังเกตเห็นว่า ถุงแบบนี้ ผมสามารถทำแบบพิมพ์ลายได้ ซึ่งตลาดที่นี้ยังไม่มี ผมก็ถามคู่ค้าว่า สนใจไหม ปรากฏว่า การไปกินอาหารวันนั้น ทำให้ผมได้ออเดอร์ ปิดการขายสำเร็จในเวลาแค่ชั่วโมง” กฤษ เล่าประสบการณ์ความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจที่เกิดจากสังเกตสิ่งที่คนทั่วไปมองข้าม
 

ปัจจุบัน  ก.รัตนกฤต สามารถผลิตถุงพลาสติกได้ทุกชนิด เช่น ถุงหิ้ว ถุงขยะ ถุงใส ถุงมือพลาสติก ฯลฯ  ภายใต้มาตรฐานการผลิตระดับสากล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ส่วนใหญ่จะรับจ้างผลิตถุงพลาสติกส่งให้แก่คู่ค้ากลุ่มต่างๆ เช่น ซุปเปอร์มาร์เกต , ร้านสะดวกซื้อ , ห้างสรรพสินค้า , ร้านค้าปลีก , โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น  กำลังผลิตประมาณ 10,000 ตันต่อปี   ส่งออกสินค้าไปทั่วโลก ทั้งทวีปอเมริกา ยุโรป และแอฟริกา  ควบคู่กับผลิตขายส่งภายในประเทศ 
 
 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางธุรกิจที่ผ่านมา ย่อมต้องพบเจออุปสรรค โดยเฉพาะเมื่อประมาณสิบสามปีที่แล้ว  ขณะที่ธุรกิจกำลังเดินหน้าด้วยดี มีความต้องการขยายกิจการ  จึงได้ใช้บริการสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ทว่า หลังได้รับเงินทุนมาแล้ว ธุรกิจไม่เป็นไปตามที่วาดหวังไว้  จากผลกระทบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องค่าเงิน ทำให้ธุรกิจขาดสภาพคล่อง  

แนวทางแก้ปัญหา  เจ้าของธุรกิจหนุ่ม เข้าหารือปรึกษากับ SME D Bank ซึ่งได้รับคำแนะนำเข้ากระบวนการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ ขยายเวลายาวนานขึ้น ช่วยลดภาระธุรกิจ  ซึ่งจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกว่า 10 ปี ในที่สุด สามารถจะปิดยอดชำระได้ครบถ้วน ไม่เท่านั้น  ในสถานการณ์ปัจจุบันท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทาง  SME D Bank ยังเชื่อมั่นและเห็นศักยภาพของ ก.รัตนกฤต  จึงได้สนับสนุนเงินทุนใหม่ผ่านโครงการ Smart SMEs
 

เขาระบุด้วยว่า ทุกครั้งที่พบเจอวิกฤต ตั้งแต่เรื่องค่าเงิน หรือล่าสุดสถานการณ์โควิด-19  สิ่งที่เขายึดมั่นเสมอมา คือ การใช้ “สติ”  และฮึด “สู้” กับปัญหา  เพื่อจะรอ “โอกาส” ให้สามารถกลับมาเดินหน้าได้แข็งแรงอีกครั้ง  
 
“ช่วงแรกของการแพร่ระบาดโควิด ตลาดทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ชะงักหมด ยอดเราตกไปกว่า 50%  สิ่งแรกที่ผมคิด คือ เราต้องไม่เพิ่มปัญหา ต้องไม่ทำให้พนักงานตกงาน เพราะพนักงานเป็นสมบัติที่มีค่าขององค์กร ดังนั้น ช่วงที่ออเดอร์ลด ผมเลือกจะหันมาเพิ่มศักยภาพทีมงาน ให้ทีมงานเราเก่งขึ้น และเมื่อโอกาสกลับมา เราก็พร้อมจะเดินหน้าได้ทันที และดีกว่าเดิม  นี่เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่า ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ  เพราะทีมงานจะเป็นกลไกที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปได้”  กฤษ ทิ้งท้าย
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ต.ค. 2564 เวลา : 10:39:20
18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 2:48 pm