นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่เข้มงวดขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปี โดยใช้เครื่องมือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วและแรง โดยล่าสุดเมื่อกลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ซึ่งแรงสุดในรอบ 28 ปี และยังส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1.75% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 3.50% สิ่งนี้เองจึงเป็นความจำเป็นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะต้องเข้ามาดูแลความผันผวนของค่าเงินบาท ไม่ให้ผันผวนหรืออ่อนค่ามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน ที่เงินจะไหลออกจากประเทศไทยเพื่อไปหาผลตอบแทนที่ดีกว่า และเป็นสาเหตุให้เงินบาท ณ ปัจจุบัน อ่อนค่าลง โดยจากปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าอยู่อันดับที่ 4 รองจากเงินวอนเกาหลี เงินรูเปียห์อินโดนีเซีย และเงินเปโซฟิลิปปินส์ทำให้ ธปท.มีความจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงค่าเงิน เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3,000-5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพยุงค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนและอ่อนค่ามากเกินไป
นอกจากการเข้าแทรกแซงค่าเงินของธปท.แล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องทำ คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เช่นเดียวกัน และจะเห็นได้ว่าธนาคารกลางของทั่วโลกก็ดำเนินนโยบายการเงินเช่นนี้เพื่อลดส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยและไม่ให้เงินไหลออกจากประเทศ
ฉะนั้น ณ จุดนี้ เชื่อว่า ธปท.อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง ประมาณเดือนสิงหาคม และเดือนพฤศจิกายน 2565 จากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นเพียง 1 ครั้ง ในไตรมาส 4/65 อย่างไรก็ตาม นายกอบสิทธิ์มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท.ทั้งสองครั้ง จะส่งผลบวกมากกว่าผลลบ เพราะจะช่วยไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงมากเกินไป แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องภาระต้นทุนดอกเบี้ยของผู้ประกอบการต้องสูงขึ้นด้วย จากธปท.ส่งสัญญาณไปถึงธนาคารพาณิชย์ให้ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก
สำหรับทิศทางของค่าเงินบาท นายกอบสิทธิ์มองว่า ค่าเงินบาท ณ ปัจจุบัน ยังไม่ใช่จุดต่ำสุด มีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงไปได้มากกว่านี้อีก อาจจะไหลไปถึง 36 บาท/ดอลลาร์ แต่ก็จะกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ในระดับ 33.50 บาท/ดอลลลาร์ หากการท่องเที่ยวกลับมาดีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาประเทศไทย ซึ่ง 4 เดือนแรกของปีนี้ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีสำหรับการท่องเที่ยวไทย ที่มีต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยแล้วกว่า 7-8 แสนคน
ข่าวเด่น