ท่ามกลางกระแส Play to Earn ที่ถูกพูดถึงกันเป็นพลุแตกในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ก่อนจะลดระดับความร้อนแรงลงไปแล้วแปะมือให้ Candidate รายใหม่ได้เฉิดฉายบนโลก Digital Asset ซึ่งก็คือ “Move to Earn”
Move to Earn นั้นก็คล้ายกับ Play to Earn แต่วิธีการสร้างรายได้ หรือการ “Earn” เพื่อได้รับ Token จะเป็นการเสียเหงื่อด้วยการออกกำลังกาย แทนการเล่นเกม โดยหากขุดคุ้ยไปยังเบื้องหลังของ Move to Earn แล้ว มันก็คือการผสมผสานระหว่าง Gamefi (Game and DeFi), SocialFi ( Social and Finance) และ NFT หรือแปลง่ายๆว่ามันก็เหมือนกับเกมพ่วงด้วยความเป็นสื่อโซเชียลอีกชนิดหนึ่ง ที่การเล่น (เล่นแบบออกกำลังกาย) สามารถทำเงินให้กับเราได้ โดยต้นแบบของเกมประเภทที่ต้องใช้แรงกายแบบนี้ก็มีมาสักระยะหนึ่งแล้ว เช่น POKÉMONGO เป็นเกมที่อิงพิกัดทางภูมิศาสตร์ในชีวิตจริง ซึ่งผู้เล่น (User) ต้องออกเอาร่างกายตัวเองท่องไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อเก็บตัวโปเกม่อน (โปเกม่อนแต่ละตัวจะพบได้ในพื้นที่ที่ต่างกันออกไป ความสนุกของมันจึงคือการเฟ้นหาตัวโปเกม่อนเพื่อจับมาสะสมในเกมนี้) หรือจะเป็นเกม Ring Fit Adventure เกมของเครือ Nintendo Switch ที่จะใช้ Movement ของร่างกายในการเล่น โดยจะจำเป็นต้องมีอุปกรณ์อย่าง Ring Fit เป็นเหมือนวงแหวนที่เราต้องใช้มือจับในการควบคุมเกม และ Leg Strap เป็นผ้าที่ใส่ติดอยู่บนขาของ User เพื่อจับเซนเซอร์การวิ่งในเกม
แต่สิ่งที่ GameFi แบบ Move to Earn นั้นแตกต่างกับ 2 เกมด้านบน ก็คือ Move to Earn จะให้ผลตอบแทนไปยังผู้เล่นด้วย Token ของแพลตฟอร์มเกมนั้นๆ อย่างที่ "AC News" ได้เคยแนะนำแพลตฟอร์ม Move to Earn ฝีมือคนไทยอย่าง Wirtual ใน “ขั้นกว่าของ Play to Earn กับ Wirtual App Exercise to Earn สุขภาพดีแถมยังได้เงินกลับไป” ก่อนหน้านี้ ที่เราสามารถเลือกประเภทของการออกกำลังกายได้ทั้ง การวิ่ง, การเดิน, ว่ายน้ำ, การปั่นจักรยาน และการเต้น โดยจะได้รับ Token ของทางแพลตฟอร์มที่ชื่อ Wirtual Coin กลับไป ซึ่งถ้าเรามี NFT อย่าง Set ชุดกีฬาของทาง Wirtual ทุกการออกกำลังกายก็จะทำให้เราได้รับเหรียญมากขึ้นกว่าการใช้งานแบบปกติที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ NFT โดยเงื่อนไขที่ว่าการเป็นเจ้าของ NFT จะทำให้เราสามารถออกกำลังกายตะลุยผ่านด่านนี้ได้จนได้รับ Token จริงๆก็เป็น Concept ที่คล้ายกับเกมอย่าง Ring Fit ที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพื่อการเล่น แต่พอมาเป็นเกมแบบ Move to Earn ก็เปลี่ยนจากตัวอุปกรณ์มาเป็น NFT แทนนั่นเอง
แพลตฟอร์มเกมแบบ Move to Earn ยังไม่หมดเพียงแค่ Wirtual เท่านั้น ยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆอีกหลากหลายเจ้าที่เข้าสู่สนามแข่งการออกกำลังกายแล้วได้รับ Token (ของแต่ละแพลตฟอร์ม) เช่นกัน ซึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ StepN เป็นแพลตฟอร์มออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สร้างอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชนของ Solana โดย User จะสามารถได้รับ Token ของ StepN “GMT” จากการเดินหรือวิ่ง แต่เราจะต้องมีรองเท้าในแบบ NFT ของทางแพลตฟอร์ม ซึ่งมีรองเท้า NFT อยู่ 4 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ Walker, Jogger, Runner และ Trainer โดยแต่ละคู่จะมีฟังก์ชันเฉพาะที่สอดรับกับลักษณะการออกกำลังกายของเราที่แตกต่างกันออกไป สามารถจะซื้อหรือเช่าก็ได้
และถ้าสงสัยว่ามันได้รับความนิยมในโลกคริปโตขนาดไหน ก็สามารถดูได้จากมูลค่าของเหรียญ GMT ภายหลังจากการเปิดให้เทรดในกระดานเทรด Binance จวบจนปัจจุบัน ราคามีอัตราการเติบโตถึงระดับ All Time High อยู่ที่ 41,800% เลยทีเดียว ในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน เรียกได้ว่าเป็นไม่กี่เหรียญที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในช่วงต้นปี 2022 นี้
นอกจากนี้ก็ยังมี แพลตฟอร์ม Move to Earn อีกเจ้าที่ชื่อว่า “Sweatcoin” เป็น Application สุขภาพสัญชาติอังกฤษที่จะติดตามนับจำนวนก้าวหรือเดินของเราขณะเดินหรือวิ่ง โดยในทุกๆ 1,000 ก้าว จะถูกแปลงไปเป็นเหรียญ Token ประมาณ 1 swc รับได้มากสุดวันละ 5 swc หรือ 5,000 ก้าว ในรูปแบบของการสมัครแอพโดยไม่เสียเงิน ซึ่ง Token ตรงส่วนนี้สามารถนำมาแลกเป็นอุปกรณ์กีฬา บัตรกำนัล หรือของรางวัลต่างๆตามที่แอพจะ Offer มา และในอนาคตก็จะมีการเปิดให้เทรดเหรียญซื้อขายกันด้วย
Move to Earn จะกลายเป็นกระแสหลักในอนาคตไหม?
ในตอนนี้ Move to Earn ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เราออกกำลังกาย นอกจากได้สุขภาพแล้วได้เงินกลับไป เป็นการสร้างรายได้รูปแบบใหม่ที่ต่อยอดจากการผสมผสานเข้ากับงาน NFT มันจึงทำให้เกมประเภทนี้จะเป็นตัวที่ส่งเสริมพฤติกรรมการออกกำลังกายและสุขภาพของผู้คน เนื่องจากมันเห็น Reward ที่ชัดเจนว่าเราจะได้เหรียญ Token กลับไปภายในวันที่ออกกำลังกาย แต่อนึ่ง Token ที่ออกมามันก็จัดอยู่ในสินทรัพย์ประเภทคริปโตเคอเรนซี ที่มีการเทรดซื้อขายกันเก็งกำไร มันอาจจะเกิดเรื่องของความไม่แน่นอนของราคา มีความผันผวนสูง จากคนที่ FOMO ซื้อเข้าจนราคาพุ่งไปไกล และเทขายทำกำไรจนคนในตลาด Panic Sell และเราได้เห็นเกมแบบ Play to Earn แล้วว่าในช่วงเวลานี้มันได้ลดระดับความร้อนแรงลงไป กระแสซาลง ที่ทำให้คนไม่ได้ FOMO เข้ามาเก็งกำไรเหมือนช่วงแรกๆ ทำให้ราคาของเหรียญตระกูลนี้อยู่ในช่วงที่ย่อลง ซึ่งมันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับเกมแบบ Move to Earn เช่นกัน แต่ก็อาจจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อไม่ว่าจะเป็นเหรียญ Token หรือ NFT ถ้าเกิดช่วงที่กระแสซาลงไปมาถึง เพื่อรอทำกำไรในอนาคต เพราะยังมีคนอีกมากมายยังไม่ได้เข้ามายังตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัล หากเกิด Mass Adoption ขึ้นมากับสินทรัพย์แบบใหม่ประเภทนี้ ไม่แน่ว่าเราก็อาจได้ High Reward ในจุดที่คุ้มค่ามากก็เป็นได้
ข่าวเด่น