แบงก์-นอนแบงก์
กลุ่มทิสโก้เปิดแผนปี 2561 ย้ำจุดยืน Advisory House


กลุ่มทิสโก้แถลงแผนงานปี 2561 เดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม  ย้ำจุดยืนที่เน้น Advisory House หรือ การเป็นสถาบันการเงินที่ให้คำแนะนำทางการเงินที่ดีแก่ลูกค้า เชื่อเดินมาถูกทาง  ดันผลงานเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมโชว์ผลการดำเนินงานปี 2560กำไรสุทธิทะลุ 6,090 ล้านบาท เติบโต 21.7%

 

 

 

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mr. Suthas Ruangmanamongkol, Group Chief Executive) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปี 2561 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบให้ขยายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งกลุ่มทิสโก้ได้เตรียมตัวเองให้พร้อมในทุกด้านสำหรับโอกาสที่กำลังจะมาถึง   ภายใต้จุดยืนในการเป็น Advisory House หรือผู้ให้คำแนะนำทางการเงินที่ดีของลูกค้า

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ในปี 2561 ยังคงเดินหน้าขยายการเติบโตในทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย กลุ่มลูกค้าธนบดีธนกิจ และกลุ่มลูกค้าบรรษัท ด้วยการนำเสนอบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการภายในกลุ่ม (Cross-Selling) และขยายไปยังตลาดใหม่ๆ ที่มีการเติบโต รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า เช่น การพัฒนาช่องทางการบริการไปยังเครือข่ายดิจิทัล เป็นต้น

 “การเป็น Advisory House ที่ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ดีแก่ลูกค้า เป็นแนวทางที่กลุ่มทิสโก้ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ต้น  กลยุทธ์ของธุรกิจในกลุ่มก็มีแนวทางที่สอดคล้องกันหมดมาโดยตลอด ทั้งธนาคาร หลักทรัพย์และธุรกิจจัดการกองทุน เราให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมความรู้ความชำนาญให้กับเจ้าหน้าที่ มีการทบทวนอัพเดทกันอยู่ตลอดเวลา  โดยมีหน่วยงานที่คอยพัฒนาเครื่องมือสนับสนุน เช่น บทวิเคราะห์วิจัยต่างๆ ของTISCO ESU (ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์และสำนักวิจัยของ บล.ทิสโก้  รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่มองประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับเป็นตัวตั้ง  ซึ่งที่ผ่านมาแนวทางนี้ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  และได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากขึ้น  ประกอบกับการรับโอนธุรกิจรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทยหรือ SCBT เข้ามาส่งผลให้ฐานลูกค้าเรากว้างขึ้น  นั่นหมายถึงโอกาสที่จะต่อยอดไปได้อีก” นายสุทัศน์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในปี 2560 สามารถสร้างผลงานในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 6,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,084 ล้านบาท หรือ21.7% เมื่อเทียบกับปี 2559

กลุ่มทิสโก้มีรายได้จากการปล่อยสินเชื่อและค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio)ลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังมีรายการพิเศษจากความสำเร็จในการรับโอนธุรกิจรายย่อยจากSCBT เข้ามา ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้เพิ่มขึ้น  11.8% และเงินฝากเพิ่มขึ้น16.9% ขณะเดียวกันการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยผ่าน “สมหวัง เงินสั่งได้”  ยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก หรือเติบโตสูงถึง 41.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และในปีนี้เราจะเดินหน้าขยายการเติบโตต่อผ่านการเพิ่มจำนวนสาขาของสมหวัง เงินสั่งได้ให้เป็น 250 แห่ง จาก200 แห่ง ในปีที่ผ่านมา

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr. Sakchai Peechapat, President of TISCO Bank Public Company Limited)กล่าวว่า ในปี 2561 ธนาคารยังคงเดินหน้าขยายการเติบโตของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตจากธุรกิจเช่าซื้อที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของยอดขายรถยนต์ใหม่ โดยประเมินว่าในปีนี้ยอดขายรถยนต์ใหม่จะเพิ่มเป็น 920,000 คัน จากปีก่อนหน้าที่ระดับ 850,000 คัน สาเหตุหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ขณะที่คู่ค้าของธนาคารทั้ง Ford และ Mazda ยังมีการตั้งเป้าการเติบโตที่สูงขึ้นด้วย ส่วนผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ก็มีการออกผลิตภัณ์ใหม่ๆ สู่ตลาด พร้อมกับรายการส่งเสริมการขายที่จูงใจมากขึ้น  และเราจะเตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มานำเสนอ

ส่วนสินเชื่อบ้าน ปีนี้เราจะเน้น Mortgage Saver ที่เป็นโปรดักท์ใหม่  เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการบริหารเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการเสนอสินเชื่อบ้านให้แก่ลูกค้ามากขึ้น รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มสินเชื่อบ้านมือสองที่อยู่ในทำเลที่ดี ราคาเหมาะสม

ขณะที่บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์กองทุน-ประกันจากหลากหลายค่ายในจุดเดียว หรือOpen Architecture ได้เข้ามาช่วยให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และต่อยอดการบริการให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยภายหลังการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เราสามารถขายข้ามผลิตภัณฑ์ (Cross-Selling) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต-ประกันสุขภาพและประกันวินาศภัย  โดยในช่วงที่ผ่านมาเราได้ตั้งบริษัทในเครือใช้ชื่อว่า ทิสโก้ อินชัวรันส์ โซลูชั่น จำกัด เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการด้านประกันภัยอย่างครบวงจรมากขึ้น

จุดยืนของธนาคารในการเป็น Top Advisory หรือผู้ให้คำแนะนำทางการเงินที่ดีของลูกค้าไม่เคยเปลี่ยน   ปีนี้เราพร้อมขึ้นอีกระดับที่จะเดินหน้าได้เต็มที่ ด้วยจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้ลูกค้าได้รับประโยชน์   ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จากการมีแพลตฟอร์มแบบ Open Architecture ที่เปิดกว้าง ผ่านความร่วมมือกับ 10 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำของเมืองไทย รวมทั้งบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยอีกมากกว่า 25 บริษัท   และที่สำคัญคือความพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช่ให้กับลูกค้าได้ 

สรุปผลประกอบการ ปี 2560

 

ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ของปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 6,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% เทียบกับปีก่อนหน้า จากการปรับตัวดีขึ้นของทุกภาคธุรกิจ และผลกำไรจากการรับโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทยโดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.7% จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับจากธุรกิจสินเชื่อรับโอนซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 18.3% จากทุกธุรกิจหลัก รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เติบโตจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจนายหน้าประกันภัย และการเริ่มเปิดให้บริการขายกองทุนและผลิตภัณฑ์ประกันแบบ Open Architecture อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ และรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้นและส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการรับรู้รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา อีกทั้ง การตั้งสำรองหนี้สูญลดลง 20.9% ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปี 2560 กลุ่มทิสโก้มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรับโอนธุรกิจ แต่ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำที่ 41.9%

สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีจำนวน 251,396ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากปีก่อนหน้า จากการรับโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทยซึ่งสินเชื่อรับโอนประกอบไปด้วยสินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 33,000 ล้านบาท อีกทั้ง สินเชื่ออเนกประสงค์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของสินเชื่อ “สมหวัง เงินสั่งได้” ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 41.9% ในปีที่ผ่านมา ตามแผนการขยายธุรกิจและการขยายสาขาสำนักอำนวยสินเชื่อ ในขณะเดียวกัน สินเชื่อธุรกิจยังคงสามารถขยายตัวได้ดีภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวดีขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของคุณภาพสินเชื่อรวม โดยอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมลดลงมาอยู่ที่ 2.3% นอกจากนี้ การรับโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทยยังรวมถึงธุรกิจเงินฝากลูกค้ารายย่อย ส่งผลให้เงินฝากรวมของกลุ่มทิสโก้ สิ้นปี 2560 เติบโต 16.9%

ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.7%  สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 9.75% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 16.0% และ 4.7% ตามลำดับ


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ม.ค. 2561 เวลา : 11:37:17
19-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

2. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

3. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

4. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

5. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ร่วง 19.40 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย

6. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ลบ 45.66 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด-ผิดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

7. ทองเปิดตลาด (18 เม.ย. 67) ร่วงลง 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,800 บาท

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 เม.ย.67) บวก 5.7 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,372.01 จุด

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนึ้ (18 เม.ย.67) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 36.78 บาทต่อดอลลาร์

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.65-36.95 บาท/ดอลลาร์

11. พรุ่งนี้ (18 เม.ย. 67) ราคาน้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้น 40 สต./ลิตร

12. ตลาดหุ้นปิด (17 เม.ย.67) ลบ 29.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,366.94 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า(17 เม.ย.67) ลบ 30.34 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,366.04 จุด

14. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,365 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,400 เหรียญ

15. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.55-36.80 บาท/ดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 5:30 am