เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ เรื่อง จับตาเหล็กนอกไหลเข้าไทย หลังทรัมป์เรียกเก็บ safeguard


ประธานาธิบดี ทรัมป์ ลงนามอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 มีนาคม 2018 อนุมัติให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากทุกประเทศ (safeguard) ในอัตรา25% เพิ่มเติมจากมาตรการภาษีทั้งหมดที่มีการเรียกเก็บอยู่ก่อนแล้วในปัจจุบัน โดยจะมีผลภายใน 15 วันหลังจากนี้ มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดันการนำเข้าเหล็กให้ลดลงราว 13 ล้านตัน และกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ให้หันมาใช้เหล็กที่ผลิตในประเทศมากขึ้นตามนโยบาย “American First” โดย ในระยะแรกการนำเข้าเหล็กจากแคนาดา และเม็กซิโกจะได้รับการยกเว้นภาษีดังกล่าวก่อนเพื่อรอดูผลการเจรจา NAFTA ครั้งใหม่

 

 

เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บ เป็นผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากสหรัฐฯมีปริมาณนำเข้าเหล็กทั้ง 3 ประเภทสูงที่สุดกว่า 5.2 ล้านตัน 3.6 ล้านตัน และ 3.1 ล้านตัน หรือราว 15%, 19% และ 9% ของปริมาณนำเข้าเหล็กทั้งหมดในปี 2017 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบรองลงมา ได้แก่ ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ เหล็กเส้น เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นรีดร้อน และเหล็กกล้าเส้น ทั้งนี้ ประเทศที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ บราซิล เกาหลีใต้ รัสเซีย ตุรกี และญี่ปุ่น ซึ่งมีปริมาณส่งออกเหล็กไปยังสหรัฐฯ สูงถึง15 ล้านตัน หรือคิดเป็น 40% ของปริมาณนำเข้าเหล็กทั้งหมดของสหรัฐฯ

อีไอซีประเมินว่าปริมาณส่งออกเหล็กของไทยไปยังสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง 2 แสนตัน หรือเพียง 9% ของปริมาณเหล็กส่งออกทั้งหมดของไทยในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสหรัฐฯไม่ได้เป็นตลาดส่งออกหลักของไทย โดยผลิตภัณฑ์เหล็กของไทยที่คาดว่าจะสามารถส่งออกไปสหรัฐฯได้น้อยลง ประกอบไปด้วย ท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บ ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ     เหล็กแผ่นเคลือบ และเหล็กแผ่นรีดเย็น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าส่งออกโดยรวมเพียง 7 พันล้านบาท หรือประมาณ 0.07% ของมูลค่าส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมดของไทยในปี 2017 เท่านั้น 

ในด้านผลกระทบทางอ้อม ผลิตภัณฑ์เหล็กจากประเทศต่างๆ ที่ไม่สามารถนำเข้าไปในสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะถูกส่งออกมาทำตลาดในไทย โดยเฉพาะเหล็กกึ่งสำเร็จรูปจากรัสเซีย เหล็กเส้นจากตุรกี และลวดเหล็กจากจีน ที่ในปัจจุบันไทยยังไม่มีการใช้มาตรการป้องกันทางการค้าเพื่อปกป้องผู้ผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กเหล่านี้ ส่วนผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ เช่น ท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บจากเกาหลีใต้ และเหล็กเคลือบจากเวียดนาม อีไอซี ประเมินว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่ไหลเข้าไทยในปริมาณมากอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากไทยมีการเรียกเก็บ AD อยู่แล้วในปัจจุบัน

อีไอซีแนะผู้ประกอบการไทย มุ่งหาตลาดส่งออกใหม่เพื่อชดเชยการซื้อจากสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะหดตัวลง สำหรับตลาดท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บ ผู้ประกอบการควรพิจารณาโอกาสในการขยายตลาดไปยังฟิลิปปินส์และกัมพูชา ที่มีการนำเข้าสูงถึง 2.4 แสนตันในปี 2017 และยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของภาคก่อสร้าง ขณะที่ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเลียม ผู้ประกอบการควรพิจารณาโอกาสในการส่งออกไปยังแอลจีเรีย ที่กำลังมีการลงทุนเพื่อขยายโรงกลั่นน้ำมันดิบในประเทศ และสุดท้ายสำหรับเหล็กแผ่นเคลือบ อีไอซี มองว่าผู้ประกอบการควรมองหาโอกาสที่จะส่งออกไปยังเมียนมา และลาว ที่มีปริมาณนำเข้าในระดับสูงถึง 5 แสนตันต่อปี ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องกว่าปีละ 10%CAGRในช่วง 5 ปีหลังสุด

นอกจากผลิตภัณฑ์เหล็กแล้ว ผู้ประกอบการไทยควรจับตามองมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ กับสินค้าอื่นๆ อีกด้วย ปัจจุบัน ประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการทางภาษีสำหรับยางวง (rubber band) และกรดซิตริก (critic acid) ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดและประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาส 2 และของปี 2018 ตามลำดับ ซึ่งย่อมส่งผลต่อผู้ประกอบการไทย 


LastUpdate 09/03/2561 15:14:04 โดย : Admin
20-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. พรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ราคาน้ำมันดีเซล ปรับขึ้น 50 สต./ลิตร ตามมติ กบน. มีผลเที่ยงคืนนี้

2. ตลาดหุ้นปิด (19 เม.ย.67) ลบ 28.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,332.08 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 เม.ย.67) ลบ 25.09 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,335.93 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,385 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,425 เหรียญ

5. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.20%

6. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวก 9.60 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

7. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวกแค่ 22.07 จุด เจ้าหน้าที่เฟดตบเท้าหนุนไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.05 บาท/ดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 เม.ย.67) ลบ 20.39 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,340.63 จุด

10. ทองเปิดตลาด (19 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,500 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.85 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

13. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

14. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

15. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 7:17 am