เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ธปท.ผ่อนเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้าน เน้น'บ้านหลัง3'ให้วางดาวน์30%


ในที่สุดธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ แบงก์ชาติ  ก็ประกาศเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้าน หลังจากที่ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  โดยคุมเข้มการกู้ซื้อบ้านหลังที่ 3 ที่ต้องวางเงินดาวน์ 30%  และขยายเวลาเริ่มใช้ เป็น 1 เม.ย.62


โดยนายสมชาย  เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ระบุว่า เกณฑ์การกำกับสินเชื่อบ้านจะมี สาระสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่  ด้านแรก คือการกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำ หรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน(แอลทีวี) สำหรับการซื้อบ้านสัญญาแรก ที่ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท เกณฑ์วางดาวน์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังคงกำหนดแอลทีวีอยู่ที่ 90-95% หรือเมื่อรวมสินเชื่อท็อปอัพเช่นสินเชื่ออเนกประสงค์ ตกแต่งบ้านแล้วต้องปล่อยกู้รวมไม่เกิน 100%

         
แต่หากผู้กู้มีการกู้ผ่อนบ้านสัญญาแรกไปแล้วเกิน 3 ปี  หากจะกู้สัญญาที่ 2 เพิ่มกลุ่มนี้จะต้องวางดาวน์ 10 % แต่หากยังมีระยะเวลาผ่อนสัญญาแรก ไม่ถึง 3 ปี จะต้องวางเงินดาวน์ตามเกณฑ์เดิมที่20 % หรือแบงก์สามารถปล่อยสินเชื่อบ้าน รวมสินเชื่อท็อปอัพแล้วต้องไม่เกิน 80%

และหากเป็นการกู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 3  เป็นต้นไป  กรณีผ่อนสัญญาอื่นๆยังไม่หมด ผู้กู้จะต้องวางเงินดาวน์ 30% หรือแบงก์ปล่อยกู้รวมท็อปอัพไม่เกิน 70%  อีกกลุ่มคือกลุ่มผู้ซื้อบ้านเกิน 10 ล้านบาท ต้องวางดาวน์สำหรับการซื้อบ้านสัญญาที่ 1-2 ที่ 20% ขณะที่หากเป็นสัญญาที่ 3 จะต้องวางดาวน์ 30%
    

ด้านที่สอง คือสินเชื่อท็อปอัพที่อาจกระทบต่อผู้ซื้อบ้าน โดยเฉพาะการให้สินเชื่อเพื่อจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตผู้กู้และประกันวินาศภัยต่างๆ   ซึ่งด้านนี้ถือเป็นประโยชน์กับผู้กู้ จึงให้มีการยกเว้น การนับสินเชื่อประเภทนี้รวมในสินเชื่อท็อปอัพ รวมไปถึงสินเชื่อที่ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี เช่นสินเชื่อบ้านแลกเงิน เพื่อสนับสนุนให้เอสเอ็มอีมีต้นทุนที่เหมาะสม
         

ด้านที่สาม คือระยะเวลาการบังคับใช้ ที่มีการเลื่อนการบังคับใช้ออกไป 4 เดือน เป็น 1 เม.ย. 2562  จากกำหนดเดิมที่ 1 ม.ค. 2561  นอกจากนี้เกณฑ์นี้ยกเว้นผู้กู้ที่ทำสัญญาซื้อขาย ผ่อนดาวน์ก่อน 15 ต.ค. 2561 เพื่อลดผลกระทบต่อผู้กู้ที่มีการวางแผนซื้อและผ่อนดาวน์อยู่ก่อนแล้ว

ทั้งนี้หากพิจารณาสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ของสถาบันการเงินในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา   พบว่ามีการปล่อยกู้อยู่ที่ 1 แสนยูนิต พบว่า 86.4% เป็นการปล่อยกู้ให้กับผู้กู้ที่ซื้อบ้านสัญญาแรก ในราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท  ซึ่งแปลว่ามาตรการนี้ไม่กระทบ กับคนที่ซื้อที่อยู่อาศัยจริง   ขณะเดียวกัน กลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบราว 13.6%  จะแบ่งเป็นผู้กู้บ้านสัญญาที่ 2  ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท 7.6% และอีก 6% เป็นผู้กู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 3

นายจาตุรงค์  จันทรังษ์   ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ที่ผ่านมา สถาบันการเงินมีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อสูงต่อเนื่อง  ดังนั้นหากไม่มีมาตรการในการเข้าไปกำกับดูแลพิเศษ หรือแม็คโครพลูเด็นเชียล  อาจทำให้การแข่งขันการปล่อยกู้นำไปสู่ปัญหาในระยะยาวได้   ทั้งนี้การกำหนดแอลทีวี  จะเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อ และเพื่อดูแลความสามารถชำระหนี้ของครัวเรือน    เพราะที่ผ่านมาแบงก์ได้ผ่อนเกณฑ์การปล่อยกู้บ้านลดลง  รวมถึงการให้เงินทอนต่างๆ  ดังนั้นเกณฑ์ดังกล่าว จะช่วยวางมาตรฐานเพื่อป้องกันมาตรฐานการปล่อยกู้ที่ผ่อนคลายลงเรื่อยๆ  นอกจากนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อลดดีมานด์เทียมในระบบ   

ส่วนเสียงสะท้อนของนายธนาคาร นายณัฐพล   ลือพร้อมชัย  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การเลื่อนออกไป 3 เดือนเหมาะสม เพื่อให้แบงก์ได้มีเวลาปรับตัว และเชื่อว่าเกณฑ์ที่ออกมาเป็นเกณฑ์ที่ปรับใหม่ที่เหมาะสม  ทั้งการกำหนดแอลทีวีตามสัญญาการซื้อบ้าน  โดยเฉพาะการนำเกณฑ์การผ่อนชำระ3 ปีมาใช้กำหนดการวางดาวน์ถือเป็นแนวคิดที่ดีของธปท.ที่มองผลกระทบอย่างรอบด้าน  ซึ่งเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วมาตรการนี้อาจไม่มีผลกระทบต่อสถาบันการเงินมากนัก โดยเฉพาะในด้านการปล่อยสินเชื่อ

ขณะที่นางอาภา  อรรถบูรณ์วงศ์  นายกสมาคมอาคารชุดไทย  ยอมรับว่า มาตรการดังกล่าวจะกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม  ซึ่งผู้บริโภค 2 กลุ่ม ที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่  กลุ่มแรกที่มีบ้านอยู่นอกเมือง  แต่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมกลางกรุง เพื่อใกล้แหล่งทำงาน หากผ่อนไม่ถึง 3 ปี  ต้องชะลอการซื้อออกไป เพราะหากต้องซื้อต้องเพิ่มเงินดาวน์เป็น 100%  กลุ่มต่อมาคือคนออมเงินผ่านการลงทุนอสังหาฯ ไม่ใช่เก็งกำไร  หากซื้อสัญญาที่ 2 และ 3 จะต้องเพิ่มเงินดาวน์อีก 2-3 เท่าตัว

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 พ.ย. 2561 เวลา : 16:39:39
25-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (25 เม.ย.67) บวก 3.17 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,364.27 จุด

2. ประกาศ กปน.: 29 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนบ้านบางไผ่-บ้านหนองเพรางาย

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 เม.ย.67) บวก 1.72 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,362.82 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำยังคงทรงตัวในกรอบเช่นเดิมระหว่าง 2,290-2,330 เหรียญ

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 เม.ย.67) ลบ 42.77 จุด บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด บดบังผลประกอบการ บจ.แกร่ง

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 เม.ย.67) ร่วง 3.70 เหรียญ นักลงทุนคลายกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

7. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่งตต. 20% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 10%

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 37.00-37.25 บาท/ดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาด (25 เม.ย. 67) ปรับขึ้น 200 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,300 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนึ้ (25 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 37.08 บาทต่อดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 เม.ย.67) ลบ 2.13 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,358.97 จุด

12. ตลาดหุ้นปิด (24 เม.ย.67) บวก 3.64 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.10 จุด

13. ประกาศ กปน.: 27 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 เม.ย.67) บวก 3.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,360.90 จุด

15. MTS Gold คาดว่าจะมีกรอบแนวรับที่ 2,260 เหรียญ และแนวต้านที่ 2,335 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 9:00 pm