หุ้นทอง
AECS มองหุ้นไทย จับตา"ปัจจัยต่างประเทศ" ให้กรอบดัชนี 1,548 - 1,606 จุด แนะลงทุนหุ้นเป้าหมายกองทุนมีปันผลต่อเนื่อง


บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทยจับตาปัจจัยต่างประเทศทั้ง เฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย และราคาน้ำมันพันผวน  ให้กรอบดัชนี 1,548-1,606 จุด พร้อมลุ้นสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐ และการ BREXIT ของอังกฤษส่อวุ่น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกองทุนให้ความสนใจ และมีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง ชู PLANB-VGI -MACO -ROBINS -CPN –AMATA-WHA

 
 
 
 
 
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับปัจจัยหนุนในช่วงสั้นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากปัจจัยบวก Fed ได้เปิดเผยมุมมองต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่มีลักษณะ Dovish มากขึ้น โดยจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับแผนลดขนาดงบดุลให้ยืดหยุ่นมากขึ้น หลังเห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บวกกับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวเล็กน้อย จากความคาดหวังต่อกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่จะลดลงตามข้อตกลง แต่ภาพระยะกลาง-ยาว คาดว่าตลาดมีโอกาสผันผวนสูง

ส่วนปัยจัยกดดันที่มีผลต่อการลงทุนในช่วงนี้ มาจากภาวะการชะลอตัวของภาคการผลิตในสหรัฐฯ-จีนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจะยังคงถูกสะท้อนออกมาซึ่งสะท้อนออกมาผ่านตัวเลขเศรษฐกิจ หลายตัวที่แย่กว่าที่ตลาดคาด ซึ่งแม้ในวันที่ 7 มกราคม จะมีการประชุมร่วมกันในระดับ Mid Level แต่คาดยังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวกมากนัก และภาวะปิดหน่วยงานสหรัฐฯ ที่เริ่มกินเวลามากขึ้นเรื่อยๆ จะเริ่มส่งผลต่อการบริโภคในประเทศ ซึ่งล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ และวุฒิสภาฯ ยังไม่สามารถได้ข้อสรุปร่วมกันต่อประเด็นงบสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกได้ ทำให้คาดปัญหาดังกล่าวมีโอกาสยืดเยื้อออกไปอีกระยะหนึ่ง

นอกจานี้ยังมีความเสี่ยงจาก No-Deal BREXIT สูงขึ้น หลังความขัดแย้งภายในรัฐบาลอังกฤษยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝ่ายค้าน ไม่ยอมสนับสนุนร่าง BREXIT ซึ่งหากการประชุมในวันที่ 14 มกราคม ยังไม่เห็นความคืบหน้ามากขึ้น จะทำให้ตลาดกลับมากังวลว่าอังกฤษอาจต้องออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง ซึ่งจะสร้างผลกระทบให้กับเศรษฐกิจอังกฤษ และ EU

ดังนั้นจึงคงมุมมองระมัดระวังต่อปัจจัยจากต่างประเทศ และคาดว่าในช่วงสั้นกระแส Fund Flow จะยังไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อรอความชัดเจนของปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว โดยคาดว่า SET Index Sideway ในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,551-1,597 จุด (Fwd PE Valuation ปีนี้ 13.4 เท่าถึง 13.6 เท่า ) โดยอิงจากปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในไทย และต่างประเทศ อาทิ จีน ยุโรป สหรัฐฯ ที่ยังคงชะลอตัว บวกกับปัญหา Government Shutdown ของสหรัฐฯ และประเด็น Trade Wars ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ยังไม่คลี่คลาย ดังนั้นในช่วงนี้ยังคงแนะนำทยอยสะสม 3 กลุ่มหุ้น Domestic Play +  โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่ากองทุนให้ความสนใจ และมีการจ่ายเงินปันผลจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ ดังนี้  กลุ่มสื่อ PLANB, VGI และ MACO  2. กลุ่มค้าปลีก  ROBINS และ CPN  3. กลุ่มนิคม   AMATA และ WHA

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ม.ค. 2562 เวลา : 13:07:30
24-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 25 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านตะวันตก)

2. ประกาศ กปน.: 25 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนประชาร่วมใจ

3. ตลาดหุ้นปิด (23 เม.ย.67) บวก 7.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,357.46 จุด

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (23 เม.ย.67) บวก 11.57 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.09 จุด

5. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 2,260 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 2,330 เหรียญ

6. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (22 เม.ย.67) ร่วง 67.40 เหรียญ แห่เทขายทอง หลังคลายกังวลความตึงเครียดอิหร่าน - อิสราเอล

7. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (22 เม.ย.67) บวก 253.58 จุด รับแรงช้อนซื้อหลังหุ้นตกหนัก -จับตาผลประกอบการบริษัทเทคฯรายใหญ่

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.90-37.15 บาท/ดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาด (23 เม.ย. 67) ร่วงแรง 850 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 41,050 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (23 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์

11. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 20-30% กรุงเทพปริมณฑลและภาคอื่นๆ ฝน 10% / อุตุฯเตือน 24-25 เม.ย.มีพายุฤดูร้อน

12. ตลาดหุ้นไทยเปิด (23 เม.ย.67) บวก 5.89 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,355.41 จุด

13. พรุ่งนี้ น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด และพรีเมี่ยม GSH95 ลดลง 0.40 บาทต่อลิตร

14. ตลาดหุ้นปิด (22 เม.ย.67) บวก 17.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,349.52 จุด

15. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (22 เม.ย.67) บวก 15.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,347.10 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 1:14 am