เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
COVID-19...กับ 5 เหตุการณ์ "ที่สด" เป็นประวัติการณ์


ฝ่ายวิจัยธุรกิจธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุว่าผ่านมาแล้วกว่า 3 เดือนที่ COVID-19 ได้แพร่ระบาดอย่างรุนแรงไปทั่วโลก ทำให้มีผู้ติดเชื้อจนถึงปัจจุบันแล้วกว่า 8 แสนคน และคร่าชีวิตผู้คนกว่า 4 หมื่นราย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ขณะเดียวกันยังก่อให้เกิด 5 เหตุการณ์สำคัญที่สั่นคลอนเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยจะขออธิบายแต่ละเหตุการณ์ผ่านคำว่า “C-O-V-I-D” ดังนี้

 


 
 
 
• Circuit Breaker (CB) - มาตรการระงับการซื้อขายชั่วคราวถูกนำมาใช้มากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกวิกฤตในอดีต ตั้งแต่ต้นปีที่ COVID-19 เริ่มระบาด ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงรุนแรงกว่า 30% ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายประเทศต้องงัดมาตรการ CB มาใช้มากเป็นประวัติการณ์ อาทิ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ต้องใช้ CB ถึง 4 ครั้งในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา มากกว่าช่วงวิกฤต Hamburger ที่ใช้เพียง 2 ครั้ง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่มีการใช้ CB ถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกที่ตกต่ำลงอย่างรุนแรง

• Oil Price - ราคาน้ำมันดิ่งลงแรงที่สุด นับตั้งแต่ต้นปีราคาน้ำมันดิบปรับลงกว่า 60% มากที่สุดและเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากปัจจัยบั่นทอนทั้งทางด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยอุปสงค์น้ำมันถูกกดดันจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่หดตัวจาก COVID-19 อีกทั้งยังถูกซ้ำเติมจากอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลังมีการทำสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบียกับรัสเซีย ซึ่งถือเป็นสงครามราคาครั้งใหญ่อีกครั้งในอุตสาหกรรมน้ำมันโลก จนมีการคาดการณ์อย่างสุดโต่งว่าราคาน้ำมันอาจลดลงแตะระดับ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤตราคาน้ำมันรอบนี้อาจรุนแรงกว่าทุกครั้ง และย่อมส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

• Volatility - ความผันผวนรุนแรงที่สุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ดัชนีความผันผวน (VIX Index) ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นดัชนีที่นิยมใช้เป็นตัวแทนความกลัวของนักลงทุน ได้พุ่งขึ้นไปแตะ 82.69 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีครั้งแรกในปี 2473 สูงกว่าช่วงวิกฤต Hamburger ซึ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 80.86 จุด ขณะเดียวกันดัชนี Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีสะท้อนความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยก็พุ่งสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีภายในสองวัน (17-19 มีนาคม 2563) หลังนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ทุกประเภททั้งหุ้น พันธบัตรและทองคำ เพื่อหันมาถือเงินสด สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความกลัวและความผันผวนในตลาดการเงินที่รุนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับวิกฤตหลายครั้งที่ผ่านมา

• Interest Rate - อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่หดตัวอย่างรุนแรงจาก COVID-19 ทำให้ธนาคารกลางหลายประเทศต่างงัดนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมาใช้กันอย่างถ้วนหน้า ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย รวมถึงไทย ขณะที่หลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรปก็มีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing : QE) มูลค่ามหาศาลกว่าช่วงวิกฤต Hamburger สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการใช้ยาแรงผ่านการอัดสภาพคล่องครั้งใหญ่ที่สุด ซึ่งต้องจับตามองว่าวิธีการข้างต้นจะได้ผลเหมือนวิกฤตหลายครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ และจะทิ้งปัญหาไว้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในประเทศที่มีปัญหาด้านการเงินและมีหนี้ในระดับสูงอยู่แล้ว

• Double Shock - ภาวะชะงักงันด้านอุปสงค์และอุปทานที่เกิดขึ้นพร้อมกัน วิกฤตเศรษฐกิจที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตต้มยำกุ้งหรือวิกฤต Hamburger มักมีต้นตอมาจากปัญหาในภาคการเงินที่ลุกลามจนกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านอุปสงค์เป็นหลัก (Demand Shock) แต่การระบาดของ COVID-19 ในรอบนี้ไม่เพียงกระทบด้านอุปสงค์จากเศรษฐกิจที่ชะลอลง แต่ยังส่งผลกระทบถึงด้านอุปทาน (Supply Shock) อย่างรุนแรงจากการที่ภาคธุรกิจ ร้านค้า และโรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดดำเนินการเป็นวงกว้าง และอาจนำมาซึ่งการปิดกิจการในท้ายที่สุด ทำให้การเกิด Double Shock ข้างต้นอาจส่งผลให้เกิด Domino Effect เป็นวงกว้าง และแก้ไขได้ยากกว่าวิกฤตหลายครั้งที่ผ่านมา

จากเหตุการณ์ต่างๆข้างต้น คงพอจะเห็นได้ว่าเรากำลังอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจรุนแรงและยืดเยื้อกว่าทุกครั้ง ท่ามกลางภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความผันผวน ดังนั้นผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ส่งออกจำเป็นต้องตั้งสติและเตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่าย การบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอ รวมถึงการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรอโอกาสที่จะกลับมาหลังวิกฤตผ่านพ้นไป
 


 

LastUpdate 01/04/2563 11:42:43 โดย : Admin
20-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. พรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ราคาน้ำมันดีเซล ปรับขึ้น 50 สต./ลิตร ตามมติ กบน. มีผลเที่ยงคืนนี้

2. ตลาดหุ้นปิด (19 เม.ย.67) ลบ 28.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,332.08 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 เม.ย.67) ลบ 25.09 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,335.93 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,385 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,425 เหรียญ

5. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.20%

6. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวก 9.60 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

7. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวกแค่ 22.07 จุด เจ้าหน้าที่เฟดตบเท้าหนุนไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.05 บาท/ดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 เม.ย.67) ลบ 20.39 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,340.63 จุด

10. ทองเปิดตลาด (19 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,500 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.85 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

13. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

14. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

15. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 11:25 am