เอสเอ็มอี
สสว. ดีเดย์ 1 ตุลาคม 2563 ขึ้นทะเบียนจัดซื้อภาครัฐ


สสว. เดินหน้าผลักดันเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ผสานความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนกว่า 22 หน่วยงาน รวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการทั่วประเทศกว่า 1.26 แสนราย เข้าสู่ระบบทะเบียนเอสเอ็มอี เตรียมพร้อมรับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตั้งแต่ 1 ต.ค. 2563 นี้ คาดว่าจะมีเอสเอ็มอี    ทั่วประเทศ เข้าถึงตลาดภาครัฐคิดเป็นมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท 


นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากปัญหาการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งที่เกิดจากผลกระทบวิกฤติ Covid-19  และปัญหาไม่สามารถเข้าถึงตลาดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการสร้างรายได้และขีดความสามารถทางธุรกิจที่ถดถอยลง  สสว. ในฐานะที่มีบทบาทภารกิจหลักในการส่งเสริมเอสเอ็มอี เล็งเห็นว่าการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นและภูมิภาค สามารถเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพโดยเฉพาะตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่มีมูลค่าสูงกว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้ จะเป็นหนทางช่วยให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในระยะยาว 
 
ในช่วงที่ผ่านมา สสว. ได้ร่วมกับ กรมบัญชีกลาง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในนามคณะทำงานสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อหาแนวทางการส่งเสริมการเข้าถึงตลาดดังกล่าว และจะเริ่มสะท้อนผลสำเร็จเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงการคลังกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ตามที่กรมบัญชีกลางเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นจาก สสว. ไปประกอบการพิจารณา ทั้งนื้ เนื่องจากร่างกฏกระทรวงดังกล่าว มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการที่อยู่ในภาคผลิตและภาคบริการ ดังนั้นเพื่อกระจายการส่งเสริมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจของเอสเอ็มอี สสว. จึงเสนอให้มาตรการดังกล่าวครอบคลุมภาคการค้าด้วย เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้เอสเอ็มอีได้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐมากยิ่งขึ้น และเป็นการกระจายโอกาสการเข้าถึงตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศักยภาพในพื้นที่ภูมิภาค 
 
สำหรับ ร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ได้กำหนดมาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ 1) กำหนดสัดส่วนจัดซื้อจากเอสเอ็มอี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างในหมวดสินค้า/บริการที่กำหนด โดยให้คัดเลือกจากเอสเอ็มอีในจังหวัดก่อน หากไม่มีในจังหวัดหรือมีจำนวนไม่ครบ 3 ราย สามารถคัดเลือกจากภายนอกจังหวัดได้ 2) การให้แต้มต่อร้อยละ 10 กับเอสเอ็มอีที่เข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธี e-Bidding สามารถเสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดไม่เกินร้อยละ 10 
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว จะต้องขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและรายการสินค้าและบริการกับ สสว. ซึ่งในเบื้องต้น สสว. ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนรวมกว่า 22 หน่วยงาน ทำการรวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการและสินค้า/บริการ เช่น กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ สมาคมภาคเอกชนต่างๆ เป็นต้น โดยรายชื่อผู้ประกอบการและสินค้า/บริการนี้ จะมีการตรวจสอบ คัดกรองและจัดหมวดหมู่ และนำเข้าสู่ระบบบัญชีรายชื่อจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ประกอบการลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทางหน่วยงาน องค์กรเอกชนต่างๆ 11 แห่ง ประมาณ 440 ราย จาก 41 จังหวัด มีรายการสินค้าและบริการประมาณ 1,200 รายการ  ใน 51 หมวดสินค้าและบริการ
 
ส่วนในระยะต่อไปจะเปิดให้ผู้ประกอบการทำการขึ้นทะเบียนได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการซึ่งเป็นสมาชิกและอยู่ในเครือข่ายของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนดังกล่าวข้างต้นรวม 126,320 ราย เข้าร่วมขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอี เพื่อให้พร้อมรองรับการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นับตั้งแต่ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป
 
“ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการขนาดย่อม (Micro) และวิสาหกิจขนาดย่อม (Small) ที่เป็นผู้ค้าภาครัฐ จำนวนกว่า 45,000 ราย ซึ่งมั่นใจว่าหลังจากที่เปิดให้เอสเอ็มอีขึ้นบัญชีจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ จะทำให้มีผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท หรือ 30% ของงบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท” นายวีระพงศ์ กล่าว
 
นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด สสว. จึงได้เตรียมแผนสร้างการรับรูปให้แก่ผู้ประกอบการ ทั้งในรูปแบบการอบรม และมอบหมายให้ศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร (SME One-Stop Service Center: OSS) ซึ่งมีสาขาทั่วประเทศ เป็นผู้ให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยเหลือและพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่ให้พร้อมเข้าสู่ตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐต่อไป 
 
อย่างไรก็ดี สำหรับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นเรื่องด่วน คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ในส่วนผู้ประกอบการที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จะต้องมีสัญชาติไทย ครอบคลุมนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา โดยเป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro Enterprise) และผู้ประกอบการขนาดย่อม (Small Enterprise) ตามนิยามของ สสว. (รายละเอียดตามตาราง) 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ก.ย. 2563 เวลา : 15:41:25
19-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 เม.ย.67) ลบ 25.09 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,335.93 จุด

2. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 2,385 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,425 เหรียญ

3. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.20%

4. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวก 9.60 เหรียญ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

5. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (18 เม.ย.67) บวกแค่ 22.07 จุด เจ้าหน้าที่เฟดตบเท้าหนุนไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย

6. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.05 บาท/ดอลลาร์

7. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 เม.ย.67) ลบ 20.39 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,340.63 จุด

8. ทองเปิดตลาด (19 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 42,500 บาท

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 36.85 บาทต่อดอลลาร์

10. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนราษฎร์บูรณะ

11. ตลาดหุ้นปิด (18 เม.ย.67) ลบ 5.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,361.02 จุด

12. ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้า (18 เม.ย.67) บวก 1.83 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,368.77 จุด

13. ประเทศไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองในทุกภาครวมทั้งกรุงเทพปริมณฑล 10% เว้นภาคใต้ ฝั่ง ตอ.ฝน 20%

14. ทองนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ร่วง 19.40 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย

15. ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (17 เม.ย.67) ลบ 45.66 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด-ผิดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 3:35 pm