ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งแนะถือเงินสด 45% รอขายทำกำไรบริเวณ 1,220 จุด +/-


 

กลยุทธ์วันนี้ Technical Rebound

ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดย่อตัวลงและแกว่งตัวกรอบแคบ 1190+/- จุด สอดคล้องกับทิศทางเดียวกับภูมิภาคเอเชียและยุโรป ปิดตลาด SET INDEX ลบ 13.13 จุด มาอยู่ที่ 1186.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 19,017 ล้านบาท


กระแสเงินทุนต่างชาติวานนี้ชะลอตัวแต่ยังไม่ส่งสัญญาณลบ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพียง 16 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Futures เพียง 553 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 8 อีก 2,609 ล้านบาท

 

SET INDEX วันนี้ยังเป็นทิศทางของการแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยมีแนวรับสำคัญ 1180 จุด น่าจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนโดยรวมจะยังไม่เห็นปัจจัยใหม่ต่อการลงทุน อย่างไรก็ตาม โอกาสเกิด Technical Rebound ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน จากความตึงเครียดในนอร์เวย์หลังคนงานขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งหยุดงาน เป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบ อีกทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q55 ที่จะเริ่มทยอยประกาศในช่วงวันที่ 20 ก.ค.เป็นต้น นำโดยกลุ่มธนาคาร พร้อมกับเงินปันผลงวด 1H55 เฉลี่ย 2% ทำให้ Downside Risk ของ SET INDEX จำกัดกว่าในเชิงเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย

เช้านี้ติดตามการประกาศตัวเลขการส่งออก – นำเข้า เดือนมิ.ย.ของจีน เป็นตัวแปรสำคัญของตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้: ตัวเลขการนำเข้า – ส่งออกจีน, การทำ Big Lot หุ้น KH และการประชุม ESM วันสุดท้าย
ดังนั้นกลยุทธ์ MBKET แนะนำ ถือพอร์ตหุ้น 55% และเงินสด 45%” เพื่อรอขายบริเวณ 1220+/-

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “ถือพอร์ต 55%” พร้อม “ซื้อเก็งกำไร” KTB และ “สะสม” UMI
กลยุทธ์ทางเลือกวันนี้: MBKET แนะนำ “พอร์ต Trading ที่กลับเข้าเปิด Long อีกรอบช่วงชะลอตัวลงมาที่แนวรับ 820 จุดไปแล้ว จังหวะดีดคืนแนะทำกำไร แนวต้านหลักวันนี้ 828-830 จุด” Stop loss <810 จุด
Portfolio HOLD: VNT/ TTCL/CPF/ AP/ PS/ UMI/ SAT / AMATA/ TUF/ MAJOR/ BAY/ TCAP/ CPN/ KK/ PTTGC/ BANPU/ PTT/ SMIT/ SPCG/ DEMCO/ BBL / SMT
Speculative Buy: KTB
Accumulative Buy: UMI
Technical View แนวรับ 1180-1185 จุด แนวต้าน 1200-1205 จุด และ 1215 +/-จุด ใช้การถอยปิดหลุดลงต่ำกว่า 1180 เป็นจุดขายจำกัดความเสี่ยง


Action and Stock of the Day
SET INDEX ย่อตัวลงตามทิศทางเดียวกับภูมิภาค,คาด SET INDEX วันนี้แกว่งตัวกรอบแคบ แนวรับ 1180 จุดยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ SET INDEX พร้อมฟื้นตัวแรงหากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเช้านี้ออกมาดีกว่าคาด

ตลาดหุ้นรอบเอเชียวานนี้ปรับฐานลงเฉลี่ย 1.0% เว้นแต่ตลาดหุ้นจีนที่ปิดลบ 2.37% วานนี้ ต่อความกังวลตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้น่าจะสร้างความผิดหวัง รวมถึงข่าวการควบคุมการปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาฯ เพิ่มเติม กดดันตลาดหุ้นจีนมากกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาค


ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดย่อตัวลงทดสอบแนว 1190 จุด และหลุดแนวดังกล่าวลงในช่วงบ่าย ปิดเกือบต่ำสุดของวัน มาอยู่ที่ 1186.95 จุด ลบ 13.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 19,017 ล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรป วานนี้ จากการผิดหวังในตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่รายงานคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และผลตอบแทนจากพันธบัตรของสเปนทะลุ 7% อีกครั้ง

กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนโดดเด่นวานนี้ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +1.09%, กลุ่มท่องเที่ยว +0.52% และกลุ่มประกันภัย +0.30% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -1.29%, กลุ่มพลังงาน -1.81%, กลุ่มปิโตรเคมี -1.77%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.74% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -0.60%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้ แกว่งตัวออกด้านข้าง เพื่อรอดูตัวเลขการส่งออก – นำเข้าเดือนมิ.ย.ของจีนในเช้าวันนี้ หากส่งสัญญาณบวกอาจกลายเป็นจุดที่ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ฟื้นตัวขึ้นได้เช่นกัน เพราะอาจเป็นไปได้ว่า GDP ใน 2Q55 ของจีนอาจไม่ย่ำแย่อย่างที่ตลาดกังวลไว้ก่อนหน้านี้

ด้าน SET INDEX วันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวออกด้านข้าง แนวรับ 1180 จุดยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นเพียงการชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ขณะที่โอกาสเกิด Technical rebound ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน

MBKET แนะนำ “ถือพอร์ต 55% และเงินสด 45%” เพื่อรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,220 จุด +/- และแนวต้านสำคัญคือ High เดิมที่ 1,240 จุด +/- เป็นมุมมองที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสัปดาห์ก่อน เพราะคาดว่า SET INDEX พักฐานช่วงสั้นเพื่อขึ้นต่อ โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1180 จุด อีกทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q55 ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นบวก รวมถึงเงินปันผลงวด 1H55 ที่เฉลี่ย 2% พร้อมกับประเด็นเก็งกำไรต่อการประชุมเฟดปลายเดือนนี้ อาจเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ติดตามตัวเลขการส่งออก – นำเข้าเดือนมิ.ย.ของจีนเช้านี้: ตลาดประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัว 10.5% yoy ส่วนการนำเข้าจะขยายตัว 11.3% yoy อย่างไรก็ตาม ตลาดค่อนข้างที่จะมีมุมมองเชิงลบต่อตัวเลขเศรษฐกิจไปมากแล้ว หลัง PBOC ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือนสัปดาห์ก่อน เพราะเป็นการส่งสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีกว่าคาด อาจกลายเป็นจุดที่สร้างความคาดหวังต่อตัวเลข GDP ใน 2Q55 ของจีนที่จะรายงานในวันที่ 13 ก.ค. อาจขยายตัวได้ดีกว่าที่ตลาดประเมิน +7.8% yoy ได้เช่นกัน นอกจากนี้ Wen Jia Bao ได้ส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมแล้วเช่นกัน

2. ความตึงเครียดในนอร์เวย์เป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบ Brent: นอร์เวย์เป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก คนงานนอกชายฝั่งได้ประท้วง เพื่อเรียกร้องผลตอบแทนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลยังไม่ทีท่าที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ เริ่มนัดหยุดงานตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนวานนี้ กลายเป็นจุดที่ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 2 ล้านบาร์เรล/วัน หายไปจากตลาดโลกในช่วงสั้น สร้างแรงบวกต่อราคาน้ำมันดิบ โดยเฉพาะ น้ำมันดิบ Brent และเป็นบวกต่อ Sentiment ของกลุ่มพลังงานในช่วงสั้นนี้

3. ผลการดำเนินงานของ Alcoa ออกมาดีกว่าคาด: การรายงานงบ 2Q55 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ววานนี้ โดย Alcoa รายงานงบหลัง DJIA ปิดทำการ พบว่าออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยขาดทุนน้อยกว่าคาด น่าจะเป็นการส่งสัญญาณของการกลับมาเก็งกำไรต่องบการเงิน 2Q55 ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นอีกตัวช่วยของการเก็งกำไรในตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน

4. ล่าสุด EU เตรียมให้เงินปรับโครงสร้างทุนธนาคารในสเปนแล้ว: โดยจะเป็นการใส่เงินเพิ่มทุนตรงเข้าธนาคารในสเปน แทนการปล่อยสินเชื่อให้รัฐบาลสเปน ทั้งนี้รอรายละเอียดเพิ่มเติมในช่วงสายวันนี้

5. การทำ Big Lot หุ้น KH โดย BH เป็นผู้ขายในวันนี้: จำนวน 498.74 ล้านหุ้น ราคาขาย 9.15 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,563.47 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้น KH ปิดวานนี้ที่ 9.85 บาท/หุ้น อาจทำให้ราคาหุ้น KH ปรับฐานลงสู่ราคาของการทำ Big Lot ในเช้าวันนี้ ด้าน BH ต้นทุนที่ 8.50 บาท ดังนั้นจะมีกำไรต่อหุ้นในรายการดังกล่าวเพียง 0.80 บาทเท่านั้น ขณะที่ราคาหุ้น BH เพิ่มขึ้นจาก 60 บาทในช่วงกลางเดือนมิ.ย. จนถึงวานนี้ปิดที่ 82 บาท เพิ่มขึ้นแล้วทั้งสิ้น 36.67% ดังนั้นราคาหุ้น BH วันนี้มีโอกาสที่จะย่อตัวลง

ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ““ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่

1. KTB : ราคาปิด 16.20 บาท ราคาเหมาะสม 20.50 บาท
a) MBKET คาดกำไรสุทธิ 2Q55 จะทำระดับสูงสุดใหม่ เพิ่มขึ้น +29% yoy และ +6% qoq เป็น 6.8 พันล้านบาท จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to income Ratio ใน 2Q55 ลดลงเหลือ 46% จาก 1Q55 ที่ 47% และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองกลับสู่ภาวะปกติที่ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่สินเชื่อคาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อย +1% qoq
b) และ คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2555 โดยคาดว่าสินเชื่อใน 2H55 มีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นกว่า 1H55 เนื่องจากเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ ส่งผลให้ความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อเป็น Working Capital เพิ่มสูงขึ้น และผลักดันให้กำไรปี 2555 ขยายตัวสูงถึง +32% yoy เป็น 29,262 ล้านบาท
c) ขณะที่ การเพิ่มทุนที่เป็นปัจจัยลบกดดันราคาหุ้นในช่วงก่อนหน้า คาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้ เนื่องจากระดับ Tier-1 ปัจจุบันเพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจ และจะยังไม่มีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติมของ SSI เนื่องจาก SSI ยังชำระดอกเบี้ยตามปกติ
d) ราคาหุ้นซื้อขาย Discount กลุ่มธนาคารค่อนข้างมาก โดยซื้อขาย PBV 2555 เพียง 1.25 เท่า ต่ำกว่า BAY – SCB – KBANK ที่ 1.68 เท่า, 2.36 เท่า และ 2.12 เท่าตามลำดับ
และ “ทยอยสะสม” ได้แก่

2. UMI : ราคาปิด 3.60 บาท ราคาเหมาะสม 4.00 บาท
a) MBKET ประเมินเบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q55 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง +20-30% yoy จากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น yoy เนื่องจากมีการออกสินค้าใหม่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คือ กระเบื้องขัดขอบ และ Full HD tile 3 มิติ ซึ่งเป็นสินค้าที่อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ากระเบื้องทั่วไป นอกจากนั้น ยังคาดว่าจะได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงาน ที่ลดลงตามการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
b) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ หลังศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของ TTC แล้ว ในวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น เราคาดว่า UMI จะบันทึกกำไรพิเศษทางบัญชี จากการปรับโครงสร้างหนี้เข้าสู่งบรวมสูงถึง 1.3 – 2 พันล้านบาท ใน 3Q55 หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.7 – 4.1 บาท
c) รวมทั้งยังมี Valuation ที่ต่ำกว่า DCC โดย UMI ซื้อขาย PER 2555 ที่ 10.9 เท่า เทียบกับ DCC ที่ 15.2 เท่า ขณะที่กำไรปี 2555 คาดว่าจะขยายตัว +33.9% yoy สูงกว่า DCC ที่ +11.6% yoy และเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 5% ต่อปี
d) และเราคาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้ม re-rate ได้ เนื่องจากหลังเข้าซื้อ TTC แล้วจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของ UMI เพิ่มขึ้นเป็น 28 ล้าน ต.ร.ม. / ปี ก้าวขึ้นสู่ผู้ผลิตกระเบื้องอันดับ 3 ของประเทศ และส่งผลให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
e) นอกจากนั้น ราคาหุ้นถือว่าค่อนข้างถูกและยังต่ำกว่า Adjusted BV ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 2.50 บาท ณ สิ้น 1Q55 เป็น 5.20 - 6.60 บาทต่อหุ้น หลังรวมกำไรพิเศษใน 3Q55 (เทียบกับ DCC ที่ซื้อขาย PBV 2555 สูงถึง 7.9 เท่า) โดยเรามีแนวโน้มทบทวนราคาเป้าหมายขึ้น หลังได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร

What will DJIA move tonight? ไม่มีปัจจัยสำคัญในคืนนี้



LastUpdate 10/07/2555 13:07:08 โดย : Admin

20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 1:31 am