ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ธปท.แจงเกณฑ์กำกับดูแลเงินกองทุนตามแนวทาง Basel III เริ่ม 1 ม.ค. 56


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุน  ระบุว่า ตามแนวทาง Basel III  วิกฤตการเงินโลกและปัญหาของสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในหลายประเทศในช่วงปี 2550 – 2551 ที่ผ่านมา ชี้ให้ผู้กำกับดูแลในประเทศต่าง ๆ เห็นถึงความจำเป็นในการทบทวนแนวคิดการกำกับดูแลระบบการเงินของโลก เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตในอนาคต
ทั้งนี้ วิกฤตที่เกิดขึ้นในต่างประเทศครั้งนี้มาจากปัญหาหลัก ๆ คือ ปัญหาด้านสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งมีปัจจัยหลัก จากรูปแบบการทำธุรกิจของสถาบันการเงิน โดยอาศัยแหล่งเงินจากผู้ลงทุนรายใหญ่ (Wholesale funding) การขยายธุรกิจเกินกำลังของสถาบันการเงินเอง และนอกจากนี้กลไกการดำรงเงินกองทุนที่ใช้อยู่ภายใต้กรอบ Basel II ก็ส่งผลให้ความผันผวนของวัฏจักรเศรษฐกิจทวีความรุนแรงมากขนึ้
(Procyclicality)

ด้วยเหตุนี้ Basel Committee on Banking Supervision (BCBS) ได้ออกหลักเกณฑ ? Basel III เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑก์ ารกำกับดูแลสถาบันการเงิน โดยครอบคลุมประเด็น
สำคัญ คือ

- การกำหนดความเพียงพอของเงินกองทุน ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากหลักการของ Basel IIโดยเน้นความสำคัญในเรื่องคุณภาพของเงินกองทุนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้ดำรงเงินกองทุนเพิ่มเติมรองรับเผื่อในยามวิกฤตด้วย
- การกำกับดูแลความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของสถาบันการเงิน โดยกำหนดอัตราส่วนทางด้านนี้เพื่อให้ผู้กำกับดูแลใช้เป็นเครื่องมือในการวัด สภาพคล่องของสถาบันการเงิน
- การกำกับดูแลการขยายตัวของสถาบันการเงิน โดยกำหนดอัตราส่วนเงินกองทุนเพื่อเทียบกับปริมาณธุรกิจของสถาบันการเงิน (Leverage ratio)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงินได้พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ระบบสถาบันการเงินไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากวิกฤตการเงินโลกที่ผ่าน มา อีกทั้งลักษณะธุรกรรมของสถาบันการเงินในประเทศไทยก็ไม่ได้มีความเสี่ยงใน ลักษณะเช่นเดียวกับสถาบันการเงินในประเทศที่เกิดวิกฤต แต่การนำหลักเกณฑ์ Basel III ด้านเงินกองทุนมาใช้ สอดคล้องกับหลักการสำคัญที่ ธปท. ใช้ในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน คือ
(1) ช่วยให้สถาบันการเงินไทยมีความแข็งแกร่ง มีเงินกองทุนมั่นคง และมีการพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น
(2) เพื่อแสดงถึงศักยภาพของสถาบันการเงินไทย ในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์สากล  เช่นเดียวกับประเทศชั้นนำ และประเทศในกลุ่มเอเชียด้วยกันเอง

ในการนี้ ธปท. ได้ศึกษาหลักเกณฑ์ที่เข้มขึ้นตามแนวทาง Basel III รวมถึงได้วิเคราะห์ผลกระทบในการนำหลักเกณฑ์ด้านเงินกองทุนมาใช้ในประเทศไทย แล้ว พบว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยสร้างเสริมเสถียรภาพในระบบสถาบันการเงิน อันจะเป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจในระยะยาว

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาประกอบกับความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ในไทยที่มีอัตราส่วน BIS ratioที่ประมาณร้อยละ 16 อีกทั้ง ยังมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในรอบ 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งระบบมีกำไรรวมอยู่ ประมาณ 135,000 ล้านบาท จึงแสดงถึงศักยภาพของธนาคารพาณิชย์ในไทยที่มีความพร้อมสามารถปฏิบัติตามหลัก เกณฑ์ด้านเงินกองทุนตามแนวทาง Basel IIIได้ทันที

ด้วยเหตุนี้ ธปท. จึงได้ออกประกาศ ธปท. จำนวน 7 ฉบับ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ดำรงเงินกองทุนตามแนวทาง Basel III โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศดำรงเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common equity tier 1) ไม่ต่ำกว่า 4.5%เงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ไม่ต่ำกว่า 6% และ เงินกองทุนทั้งสิ้น (Total capital ratio) ไม่ต่ำกว่า8.5% เช่นเดียวกับหลักเกณฑ์ปัจจุบัน และให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศดำรงเงินกองทุนทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 8.5% เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2556
เป็นต้นไป

สำหรับหลักเกณฑ์เรื่องการดำรงอัตราส่วนด้านปริมาณธุรกิจ (Leverage ratio) รวมถึงมาตรการด้านการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ธปท. อยู่ระหว่างการติดตามหลักเกณฑ์ของBCBS และวิเคราะห์ผลกระทบ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาปรับใช้กับระบบธนาคาร พาณิชย์ในประเทศไทยต่อไป


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ธ.ค. 2555 เวลา : 12:34:50

24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 4:59 pm