ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาด SET INDEX วันนี้ มีแนวโน้มรีบาวน์ได้บ้าง แต่โดยรวมยังเป็นทิศทาง Sideway เพื่อรอปัจจัยใหม่ในการลงทุน


กลยุทธ์วันนี้    Buy on Dip
ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย และทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,598.93 จุด

อย่างไรก็ตาม แรงขายทำกำไร ก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวส่งผลให้ตลาดปรับตัวลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบบ่าย และปิดที่ 1,578.95 จุด ลดลง 10.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นล้านบาท  

และทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง 3 วันทำการรวม -1.5% ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน 1,194 ล้านบาท และ Short สุทธิ Index Future จำนวน 131 สัญญา

มุมมองต่อ SET INDEX วันนี้ คาดว่าจะเกิด Technical Rebound ได้บ้างระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หลังตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่วานนี้ปรับตัวขึ้นเฉลี่ยเกือบ 1% ขณะที่ SET INDEX ปิดทำการ อย่างไรก็ตาม โดยรวมยังคาดว่าทืศทางตลาดจะยังเคลื่อนไหว Sideway และมีความผันผวนในเดือน พ.ค. เพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ต่อการลงทุน และติดตามการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันพรุ่งนี้

หุ้นหลักในกลุ่มสื่อสาร – พลังงาน ได้แก่ PTTGC, IRPC, BCP, ADVANC จะรายงานผลประกอบการ 1Q56 ในวันนี้ และหากออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาดคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในหุ้นรายตัว
MBKET แนะนำ “รอเพิ่มพอร์ตลงทุนอีก 5%” บริเวณ 1,560 – 1,570 จุด ซึ่งเป็นแนวรับ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น และคาดหวังการดีดกลับของ SET INDEX ขึ้นสู่บริเวณ 1,600 จุด +/-

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “รอเพิ่มพอร์ตลงทุนอีก 5%” พร้อม “ซื้อเก็งกำไร” PTTGC และ JAS
กลยุทธ์ทางเลือกวันนี้(S50M13): MBKET แนะนำ “พอร์ตถือ Long ต้นทุนต่ำกว่า 1000 จุด หากไม่สามารถรับแรงเหวี่ยงในระหว่างสัปดาห์ของดัชนีได้  พิจารณาจังหวะปิดสถานะเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% ต่อเนื่อง วันนี้มีแนวต้านสกัด 1050/1055 จุด” กรณีผิดทาง S50M13 ต่ำกว่า 1035 จุด อาจต้องยอมตัดขาดทุนกำไร
Portfolio      HOLD: SPCG/ BTS/ IRPC/ TPIPL/ INET/ KK/ MFEC/ LOXLEY/ TRUE/CK/ AIT/ SIMAT/DEMCO/ ILINK/ THCOM/ ADVANC/ TASCO/ AP/ BAY/ KTB/ SVOA/ QH/ THAI/ SCB/ PTTGC
Speculative Buy: PTTGC, JAS

Technical View    แนวรับ 1570 จุด แนวต้าน 1585-1590 และ 1600 จุด ใช้การถอยปิดหลุด 1570 เป็นสัญญาณปิดขายทำกำไร และลดความเสี่ยง ทั้งในส่วนทุนต่ำที่เหลืออยู่ และส่วนที่เพิ่งจะเข้าซื้อเก็งกำไร

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดหลุด 1580 จุด


คาด SET INDEX วันนี้มีแนวโน้มรีบาวน์ได้บ้าง แต่โดยรวมยังเป็นทิศทาง Sideway เพื่อรอปัจจัยใหม่ในการลงทุน

แนะนำเพิ่มพอร์ตอีก 5% บริเวณ 1,560 – 1,570 จุด เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น

SET INDEX ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย และทำระดับสูงสุดของวันที่ระดับ 1,598.93 จุด อย่างไรก็ตาม แรงขายลดความเสี่ยง เนื่องจากเข้าสู่วันหยุดยาว 3 วันทำการ และนักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนลง เพื่อรอดูความชัดเจนต่อทิศทางนโยบายดอกเบี้ย - มาตรการเพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่สอดคล้องด้านโยบายดอกเบี้ย ระหว่างกระทรวงการคลัง – ธปท. ส่งผลให้เป็นประเด็นคลุมเครือต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สุดท้ายแล้วจึงส่งผลให้ SET INDEX ปรับตัวลง 10.24 จุด หรือ -0.64% ที่ 1,578.95 จุด ลดลงสวนทางภูมิภาค และมีมูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นล้านบาท

หุ้นกลุ่มหลักปรับตัวลง ได้แก่ กลุ่มธนาคาร -0.6%, พลังงาน -0.6%, ปิโตรเคมี -2.1%, สื่อสาร -0.8% ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวขึ้น ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +5.6%, กลุ่มเหมืองแร่ +4.5% และกลุ่มเหล็ก +0.9%


ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้

MBKET คาด SET INDEX วันนี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideway เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ในการลงทุน โดยอาจเห็นการเกิด Technical Rebound ขึ้นสู่บริเวณ 1,585 จุด +/- ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย จากตลาดเอเซียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นวานนี้ที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ แต่คาดว่าจะมียังมี Upside ที่จำกัดจากภาพรวมการลงทุนที่ยังชะลอตัว และติดตามการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันพรุ่งนี้ โดยประเด็นสำคัญวันนี้อยู่ที่การรายงานผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มพลังงาน – สื่อสาร


ดังนั้น MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตลงทุน” สัดส่วนหุ้น 55% และเงินสด 45% และทยอยสะสมหุ้นกลุ่มหลักเพิ่มอีก 5% ของพอร์ตลงทุน เพื่อการเก็งกำไรระยะสั้น บริเวณ 1560 – 1570 จุด ที่เป็นแนวรับ และมีจุดขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/-


ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.    ตลาดหุ้นเอเซียวานนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น :  หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 1.65 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาดของตลาดที่ 1.45 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 7.5% ในเดือน เม.ย.จากเดือนก่อนหน้าที่ 7.6% โดยตลาดหุ้นฮ่องกง +0.9%, จีน +1.2%, ไต้หวัน +0.4%, อินโดนีเซีย +1.3% ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ -0.6% และเกาหลีใต้ -0.2%


2.    ผลการเลือกตั้งส่งผลให้ตลาดมาเลเซียทำระดับสูงสุดใหม่ : ปรับตัวขึ้น +3.4% ทำระดับสูงสุดใหม่ หลังพรรคร่วมรัฐบาล Barisan Nasional ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 133 ที่นั่ง เทียบกับคู่แข่งคือ People’s Alliance ที่ได้ 89 ที่นั่ง


3.    คาดนักลงทุนต่างชาติยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางค่าเงินบาท  :  MBKET คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังมีทิศทางชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงลง 3 วันทำการรวม 1.5% เหลือ US$29.68/USD ในวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อรอดูความชัดเจนด้านนโยบายของภาครัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดย ธปท.จะมีการประชุมกนง.ครั้งถัดไปในวันที่ 29 พ.ค.


4.    กลุ่มพลังงานมีแนวโน้ม Outperform ตลาด  :  เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Global Play จึงมีผลกระทบที่ค่อนข้างจำกัด จากปัจจัยกระทบในประเทศ นอกจากนั้น การเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ อาจส่งผลให้กำไรสุทธิ 2Q56 จะไม่ชะลอตัวลงมาก qoq เหมือนที่กังวลก่อนหน้า โดยหุ้นกลุ่มพลังงานจะทยอยประกาศผลประกอบการในวันนี้ ได้แก่ PTTGC, IRPC, BCP และกลุ่มสื่อสาร ได้แก่ ADVANC 


5.    กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมวันที่ 8 พ.ค. : บริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนยุติบทบาทหน้าที่ ซึ่งคาดว่าจะกดดันบรรยากาศการลงทุนของ SET INDEX ในช่วงสั้น อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าหากการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบตามกรอบของกฎหมาย จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพการลงทุนในระยะยาว

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ “ซื้อเก็งกำไร”  ได้แก่


1.    PTTGC : ราคาปิด 70.25 บาท ราคาเหมาะสม 81.00 บาท
•    PTTGC จะรายงานผลประกอบการ 1Q56 ในวันนี้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต +25.9% yoy และ +19.4% qoq เป็น 12,407 ล้านบาท จากการใช้กำลังการผลิตของธุรกิจโรงกลั่นที่สูงขึ้น และส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ปรับตัวขึ้นทั้งสายโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์
•    และหุ้นกลุ่มพลังงานคาดว่าจะได้ Sentiment เชิงบวกจากการไต่ระดับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX รวม 3 วันทำการ +5.6% เป็น US$96.16/barrel
•    นอกจากนั้น การปรับตัวขึ้นอีกครั้งของราคาน้ำมันดิบ และหากเคลื่อนไหวทรงตัวได้ที่ระดับดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลความเสี่ยงของผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันใน 2Q56 ลดลง
•    โดยราคาน้ำมันดิบดูไบปัจจุบันอยู่ที่ US$103.34/barrel ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่ US$95.00/barrel เทียบกับสิ้น 1Q56 ที่ US$106.96/barrel
•    ราคาหุ้นมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก ซื้อขายบน PER 2556 ที่ 9.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพลังงานที่ 12.4 เท่า และ SET INDEX ที่ 14.8 เท่า และคาดการณ์เงินปันผลปี 2556 หุ้นละ 3.41 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.8%
2.    JAS : ราคาปิด 7.90 บาท ราคาเหมาะสม 12.40 บาท 
•    JAS จะรายงานผลประกอบการ 1Q56 ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 1Q56 จะขยายตัวโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq เป็น 744 ล้านบาท +28% qoq และ +60% yoy จากการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจ Broadband ขณะที่ต้นทุนโครงข่ายเป็น Fixed Cost ดังนั้น จึงเข้าสู่การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนในอย่างเต็มที่ตามจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น
•    และเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการ 1Q56 จะออกมาดีกว่าคาดการณ์ของเรา และ Consensus โดย Consensus คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q56 ไว้ที่ 641 ล้านบาท
•     ขณะที่ภาพรวมกำไรปี 2556 คาดว่าจะขยายตัว +54.9% yoy เป็น 3,309 ล้านบาท และต่อเนื่อง +18.6% yoy ในปี 2557 เป็น 3,922 ล้านบาท จากการเติบโตต่อเนื่องของจำนวนผู้ใช้บริการใหม่ และจำนวนผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ต Broadband ปัจจุบันยังมี Penetration Rate ต่ำเพียง 20%

What will DJIA move tonight?    คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 พ.ค. 2556 เวลา : 12:26:28

20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:02 pm