ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
นิด้าโพลเผยปชช.83%เห็นว่ารัฐบาลควรอุดหนุนสินค้าเกษตรเท่าเทียมกัน


ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลกับการชุมนุมของชาวสวนยางและสวนปาล์ม” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27 – 28 สิงหาคม 2556 จากประชาชนทั่วทุกภูมิภาค ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

จำนวน 1,253 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ เกี่ยวกับกรณีการชุมนุมของเกษตรกรชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคายางพาราและราคาปาล์มที่ต่ำกว่าต้นทุนในขณะนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน ร้อยละ 1.4

 เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการที่รัฐบาลควรอุดหนุนสินค้าการเกษตรอื่น ๆ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลรับจำนำข้าวโดยให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดโลก พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.40 เห็นด้วย เพราะรัฐบาลควรสนับสนุนสินค้าเกษตรทุกชนิดให้เท่าเทียมกันและมากขึ้น ราคาสินค้าเกษตรเกือบทุกชนิดมีราคาหน้าสวนต่ำมาก อีกทั้งต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ขณะที่ ร้อยละ 13.17 ไม่เห็นด้วย เพราะรัฐบาลมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณที่จะมาชดเชยส่วนต่างของราคาสินค้าเกษตร และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการจำนำข้าวก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ควรปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกลตลาด
          
เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้รัฐบาลแสดงท่าทีไม่ทำตามคำเรียกร้องของผู้ชุมนุมชาวสวนยางและสวนปาล์ม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 34.00 ระบุว่า เป็นเพราะราคาที่ชาวสวนเรียกร้องสูงกว่าราคาตลาดโลกมากเกินไป รองลงมา ร้อยละ 30.57 ระบุว่า เป็นเพราะผู้ชุมนุมอยู่ภาคใต้ ไม่ใช่ฐานเสียงหลักของพรรครัฐบาล ร้อยละ 23.46 ระบุว่า เป็นเพราะรัฐบาลไม่มีงบประมาณอุดหนุนในภาคเกษตรแล้ว และร้อยละ 0.56 ระบุว่า เป็นเพราะรัฐบาลต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา อีกทั้งยางเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญน้อยกว่าข้าวและอาจเกิดปัญหายางล้นตลาดได้
         
 เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อสาเหตุการรวมตัวกันของชาวสวนยางและสวนปาล์มในภาคใต้ในขณะนี้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.14 ระบุว่า เป็นเพราะชาวสวนได้รับความเดือดร้อนจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ รองลงมา ร้อยละ 25.51ระบุว่า เป็นเพราะรัฐบาลเคยรับปากว่าจะแก้ไขปัญหาให้แต่ไม่ทำตามสัญญา ร้อยละ 20.33 เป็นการชุมนุมทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาล และร้อยละ 0.06 มีผู้ที่ต้องการสร้างความปั่นป่วนและล้มรัฐบาล
         
 นายธนพันธ์ ไล่ประกอบทรัพย์ อาจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ในฐานะที่ประชาชนเป็นผู้ที่มีสิทธิออกเสียงและเลือกรัฐบาลเข้ามาบริหารบ้านเมือง ประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออุดหนุนผลผลิตภาคการเกษตรให้เท่าเทียมกันทุกกลุ่ม ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนอีกกลุ่มที่เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเท่าใดนัก เนื่องจากเกษตรกรที่มาชุมนุมนั้นมิใช่ฐานคะแนนเสียงของพรรครัฐบาล สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลว่าเป็นการฃเลือกปฏิบัติ และหากเป็นเช่นนั้นจริงถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมากในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ หลักการดำเนินนโยบายตามหลักประชาธิปไตยควรอยู่บนพื้นฐานหลักสำคัญ 3 ประการ คือ 1. หลักความเท่าเทียมกัน 2. ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล 3. การดำเนินนโยบายต้องไม่เป็นไปในลักษณะที่ก่อให้เกิดความแตกแยก เช่น ไม่อุดหนุนสินค้าเกษตรอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไป ดังนั้น รัฐบาลจึงควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายสาธารณะ
          
ขณะที่ยังมีประชาชนเกือบ 1 ใน 4 หรือร้อยละ 23.46 ที่ให้ความสนใจในเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลใช้ช่วยเหลือ เพราะประชาชนไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบหรือเป็นภาระแก่รัฐบาลและประชาชนเอง โดยเฉพาะโครงการหรือนโยบายประชานิยมในระยะยาวที่มีช่องโหว่และเอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งนี้ในส่วนตัวมองว่า รัฐบาลควรช่วยเหลือเกษตรกรในระยะสั้น เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูกให้ได้ผลผลิตต่อไร่มากขึ้น การลดต้นทุนด้วยการลดภาษีนำเข้าปัจจัยการผลิต เช่น เครื่องจักรทางการเกษตร เคมีภัณฑ์ทางการเกษตร การให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับราคาผลผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้เกษตรกรได้วางแผนการเพาะปลูก หรือการประกันราคาผลผลิตทางการเกษตรในระยะสั้นหากราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลกหรือราคากลาง เมื่อราคาเข้าสู่ภาวะปกติ ก็ควรปล่อยราคาให้เป็นไปตามกลไกลตลาด แต่ถ้าหากจำเป็นรัฐบาลอาจช่วยเหลือในระยะยาวได้แต่ไม่ควรบ่อยหรือเป็นประจำ เช่น โครงการจำนำข้าว เป็นต้น


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 ส.ค. 2556 เวลา : 17:13:15

24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 2:28 am