ม็อบค้านขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือน เตรียมยื่นหนังสือถึง “เพ้ง” “ไพรินทร์” ท้าดีเบตต่อหน้าม็อบ 9 ก.ย.2556 “เพ้ง”ย้ำไม่เข้าดีเบต วอนเลิกบิดเบือนข้อมูลสร้างความสับสนต่อสังคม ชี้คนจนยื่นใช้สิทธิ์ซื้อแอลพีจียังน้อย ปิ๊งไอเดียนำเงินเหลือจากชดเชยจับฉลากแจกแอลพีจีราคาถูกกระตุ้นการใช้สิทธิ์เพิ่ม  
            
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ภาคครัวเรือน เตรียมยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในวันที่ 5 ส.ค.2556 เวลา 13.59 น. เพื่อเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ขึ้นเวทีเสวนาสาธารณะ(ดีเบต)เรื่องแอลพีจีกับนาย ม.ล.กรกสิวัฒน์  เกษมศรี ในฐานะตัวแทนภาคประชาชน ในวันที่ 9 ก.ย. 2556 ซึ่งเป็นวันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มผู้คัดค้านว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเข้าร่วมดีเบตด้วย เพราะการไปดีเบตในกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ประโยชน์อะไร หากจะดีเบตควรเป็นการดีเบตแบบถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบข้อเท็จจริง  ทั้งนี้เห็นว่าหากต้องการดีเบตจริงควรให้นักวิชาการที่มีความรู้ความเข้าใจและรักษาผลประโยชน์ของประเทศมาดีเบตกับผู้ชุมนุมจะเหมาะสมกว่า
            
ทั้งนี้การจะคุยกันให้เกิดความเข้าใจร่วมกันได้นั้น ทางผู้ชุมนุมต้องเปลี่ยนวิธีการนำเสนอข้อมูล เลิกการบิดเบือน ต้องคุยกันอย่างผู้มีความรู้ มีสติปัญญา มีการถามแบบต้องการความรู้จริงๆ ไม่ใช่บิดเบือนข้อมูลกับสังคมซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไร    
            
สำหรับการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1ก.ย. 2556 ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบสถานการณ์กับเจ้าหน้าที่พลังงานจังหวัดพบว่า กลุ่มผู้มีสิทธิ์ซื้อแอลพีจีราคาถูกยังใช้สิทธิ์ไม่มากนัก เนื่องจากบางรายยังใช้แก๊สเดิมไม่หมด บางรายเห็นว่าราคาขึ้นเพียง 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ไม่ส่งผลกระทบมากนัก ทำให้เงินที่เตรียมไว้ชดเชยให้ผู้มีรายได้น้อยจึงมีเหลือจำนวนหนึ่ง ดังนั้นจึงมีแนวคิดจะจูงใจให้เกิดการใช้สิทธิ์มากขึ้น โดยนำเงินที่เหลือมาช่วยลดราคาแอลพีจีให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยดังกล่าวด้วยวิธีการจับฉลาก ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายก่อน