ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ชี้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับทีวีดิจิตอลวันนี้มีแนวโน้มขยับขึ้นเด่น


 กลยุทธ์วันนี้  Limit Upside

          
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดทะลุ 1,420 จุด ขึ้นมาอยู่ที่ 1,423.39 จุด บวก 8.34 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 36,608 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 10 อีก 1,648 ล้านบาท แม้คงการ Short สุทธิใน Index Futures เป็นวันที่ 2 ก็เพียง 27 สัญญาเท่านั้น แต่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 7,808 ล้านบาท
          
หลัง SET INDEX ไต่ระดับขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 1,420-1,425 จุด ตามที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมี Error บางส่วนที่ SET INDEX จะขยับขึ้นสูงกว่ากรอบแนวต้านดังกล่าว ผลักดันโดยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าตลาดเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทยก็ตาม
         
 เมื่อ Upside Gain ของ SET INDEX เริ่มจำกัดมากขึ้น MTD พบว่า SET INDEX +3.42% นำโดยกลุ่มธนาคาร 5.66% และ ADVANC +5.31%, DTAC +5.15% ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุนควรพิจารณาขายทำกำไรหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และกลุ่ม ICT พร้อมหันมาเก็งกำไรกลุ่มที่ Laggard หรือหุ้นที่ยังมีประเด็นบวกเฉพาะหลักทรัพย์
          
ขณะที่ประเด็นการเมืองภายในประเทศ มีแนวโน้มที่จะยืดเวลาออกไปเป็นช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ค. หลัง ปปช. คาดสรุปกรณีจำนำข้าวในต้นเดือนพ.ค. และศาล รัฐธรรมนูญ ให้เวลาแก่นายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ เข้าชี้แจงได้ภายในวันที่ 2 พ.ค.
         
MBKET คาดว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับทีวีดิจิตอลวันนี้มีแนวโน้มขยับขึ้นเด่น จากการเริ่มออกอากาศพร้อมกันทุกช่องในช่วงทดลองออกอากาศ
         
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” BLAND/ SAMART พร้อม “ขายทำกำไร” KTB

Portfolio            
          Top Pick in 2Q14: SAMART / SPCG / GOLD
          HOLD: SCC/ SPCG/ SPALI/ TTA
          Accumulative Buy: BLAND / SAMART
          Taking-Profit: KTB

Technical View          
          แนวรับ 1410-1415 และ 1405 จุด แนวต้าน 1425 +/- จุด ทดสอบแนวปะทะ 1425 +/- น่าแบ่งขายอีกบางส่วน

Action and Stock of the Day

SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,420 จุดตามคาด
          ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ เพราะตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิตของจีน ยังคงต่ำกว่า 50 จุด สะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน
          สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ ไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,420 จุด และทะลุผ่านในที่สุด จากแรงเก็งกำไรหุ้น SCCC ที่งบออกมาดีกว่าคาด ทำให้ SCC ขยับขึ้นเด่นเช่นกัน บวกกับหุ้นหลักอย่าง BGH, AOT, PTTEP ผลักดันให้ SET INDEX แกว่งระหว่าง 1,420-1,425 จุด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 8.34 จุด มาอยู่ที่ 1,423.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,608 ล้านบาท
         
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดวานนี้ ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +3.46%, กลุ่มโรงพยาบาล +3.09% และกลุ่มเหมืองแร่ +2.49% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร +0.44%, กลุ่มพลังงาน +0.77% และกลุ่ม ICT -0.89%

SET INDEX วันนี้มีแนวโน้มแกว่งในกรอบ 1,420-1,430 จุด
จับตากลุ่มที่อยู่อาศัย และ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ ทีวีดิจิตอล ขยับเด่น
กลยุทธ์การลงทุน ขายทำกำไรหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT และเข้าเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงินในหุ้น Laggard
         
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
          ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ (7.31 น) ตลาดหุ้น Nikkei และ Kospi แกว่งในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุน แม้ว่า เกาหลีใต้จะรายงาน GDP ใน 1Q57 ออกมาดีกว่าคาดก็ตาม
MBKET คงน้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 23 แม้ว่า SET INDEX จะขยับขึ้นสู่กรอบที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ 1,420-1,425 จุดแล้วก็ตาม แต่ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิ 6,248 ล้านบาท ทำให้ SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นสูงกว่าที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
          
อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมินจาก EPS ปี 2557 ของตลาดหุ้นไทย / การเติบโตของกำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยในปีนี้ / Upside Gain ของหุ้นหลัก ณ ปัจจุบัน เริ่มมี Upside gain ที่จำกัดในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรรอบล่าสุดนับตั้งแต่ระดับ 1,380 จุดในปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา อาจพิจารณา ขายทำกำไร หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ กลุ่ม ICT ซึ่งขึ้นมาอย่างโดดเด่นนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และกลับเข้าเก็งกำไร แบบ จำกัดวงเงิน ในหุ้นหลักที่ยังคง Laggard อย่าง SCC / PTTEP / BCP รวมถึงกลุ่มที่อยู่อาศัย
          
ประเด็นกระแสเงินทุนต่างชาติ และโอกาสที่ธนาคารกลางหลักของโลกจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ขณะที่การเมืองภายในประเทศ มีแนวโน้มจะชัดเจนในช่วงครึ่งแรกขอเดือนพ.ค. ทำให้ Downside risk ของ SET INDEX จำกัดเช่นกัน ประเด็นบวกช่วงสั้นได้แก่
         
ปัจจัยต่างประเทศ ส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ได้แก่
          ECB ส่งสัญญาณพร้อมพิจารณาโครงการ QE เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อต่ำ และการว่างงานสูง ซึ่งตลาดคาดภายในเดือนมิ.ย.นี้ ECB จะเริ่มโครงการ QE
          BoJ ยังคงวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ Yen270 ล้านล้าน/ปี แต่พร้อมปรับเปลี่ยนวงเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในแต่ละช่วง ซึ่ง BoJ จะมีการประชุมอีกครั้งในปลายเดือนเม.ย.นี้  
          FOMC ประชุมวันที่ 28-29 เม.ย.นี้ อาจพิจารณาคงวงเงิน QE ที่ US$5.5 หมื่นล้าน/เดือน หลังตัวเลขการจ้างงานเริ่มชะลอโมเมนตัมเชิงบวก
          จีน อาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ล่าสุดธนาคารกลางจีน ประกาศลด RRR ของธนาคารท้องถิ่นบางแห่ง
          ความเสี่ยงทางการเมืองภายในประเทศ เชื่อว่าได้ผ่านจุดวิกฤติไปแล้ว เพียงแต่รอพัฒนาการทั้งจาก กกต. / ศาลฯ / ปปช. น่าจะเห็นภาพชัดในช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ค.

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ประเด็นการเมืองมีแนวโน้มยืดเวลาออกไปเป็นช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ค.  
          ปปช. เตรียมสรุปกรณีจำนำข้าว ในต้นเดือนพ.ค.
          ศาลรัฐธรรมนูญ ให้เวลากับนายกฯ รักษาการยิ่งลักษณ์ เข้าชี้แจง กรณีการโยกย้าย นายถวิล ได้ถึงวันที่ 2 พ.ค. และให้ 4 ท่าน (รวมถึงนายถวิล และ นายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์) ชี้แจงเพิ่มเติมในวันที่ 4 พ.ค.
          การเลือกตั้ง กกต. จะเข้าหารือกับ รัฐบาลในวันที่ 30 เม.ย. แต่อาจยังไม่ได้ข้อสรุป ต่อการกำหนดวันเลือกตั้งได้
          
2.ตลาดหุ้นไทยเป็นเพียงตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียตลาดเดียวที่ YTD ต่างชาติเป็นขายสุทธิ: หากประเมินถึงยอดสุทธินับตั้งแต่ต้นปีถึงวานนี้ พบว่า ตลาดหุ้นไทย ยังคงเป็นตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ตลาดเดียวที่ต่างชาติ ขายสุทธิ 6,248 ล้านบาท  
MBKET ยังคงเชื่อว่า เม็ดเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ระลอกใหม่นับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชียที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q57 บวกกับ โอกาสที่ธนาคารกลางหลักจะพิจารณาเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบ ซึ่งตลาดหุ้นไทยน่าจะอยุ่ในข่ายที่นักลงทุนต่างชาติสนใจ หากประเด็นการเมืองเริ่มเห็นทางออกที่ชัดเจนขึ้น
          
3. Upside ของ SET INDEX จำกัดมากยิ่งขึ้น หากพิจารณาจาก Historical PER / Forward PER14 เทียบกับ 1SD ส่วนของ PER14 ณ 1SD เท่ากับ 14.13x เทียบกับ ระดับปิดวานนี้ที่ 13.65x

          
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม”  ได้แก่
          1. BLAND : ราคาปิด 1.63 บาท ราคาเหมาะสม 2.80 บาท  
             a) MBKET เชื่อว่าราคาหุ้น BLAND จะ Outperform ตลาดได้ในช่วงที่เหลือของเดือน เม.ย. จากความคาดหวังเชิงบวกต่อการจัดตั้งกองทุน REIT ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นใน 2Q57
             b) และส่งผลบวกโดยตรงต่อปัจจัยพื้นฐานของ BLAND โดยคาดว่าบริษัทได้รับเงินสดสุทธิเข้ามาถึง 8,000 ล้านบาท (0.38 บาท / หุ้น) และมีกำไรพิเศษราว 3,000 ล้านบาท (0.14 บาท / หุ้น) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่จะเปลี่ยนเป็นเชิงรุกตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป
             c) คาดกำไรสุทธิ 4Q56 (ม.ค. – มี.ค.) จะเติบโตสูง yoy เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้โครงการคอนโดมีเนียม Double Lake จะมีกำไรพิเศษคดีหมดอายุความของหุ้นกู้ต่างประเทศมูลค่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยบันทึกกำไรพิเศษใน 4Q56 และ 1Q57 ราวไตรมาสละ 1,500 – 2,000 ล้านบาท
             d) ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 2.26 บาท และคาดการณ์เงินปันผลปี 2556 หุ้นละ 0.03 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 2%
          *** บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มีธุรกิจกับบริษัทในเครือหรือบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND)
          
2. SAMART : ราคาปิด 20.10 บาท ราคาเหมาะสม 24.40 บาท  
             a)ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้น โดยเบื้องต้นคาดว่า กสทช.จะปรับเพิ่มราคาคูปอง Digital TV ที่จะแจกให้กับภาคครัวเรือนขึ้นจาก 690 บาท เป็น 1,000 บาท และจะมีการนำเสนอแก่ที่ประชุม กทปส. เพื่ออนุมัติ และส่งกลับมาที่ กสทช.เพื่ออนุมัติขั้นสุดท้ายในวันที่ 14 พ.ค.57
             b) SAMART ได้ประโยชน์โดยตรงจากการปรับเพิ่มมูลค่าคูปอง Digital TV เนื่องจากเป็นผู้นำธุรกิจ Set Top Box ของไทย และเป็นเพียงบริษัทเดียวที่อยู่ในตลท. จากทั้งหมด 9 บริษัทที่ Set Top box ได้รับใบอนุญาตจากกสทช. เพื่อให้ภาคครัวเรือนสามารถนำคูปองมาแลกซื้อ Digital TV ได้
             c) ดังนั้น เราเชื่อว่าเป้าหมายของบริษัทเพื่อจำหน่าย Set Top Box ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเครื่อง ในปี 2557 มีความเป็นไปได้สูง เมื่อเทียบกับคูปองทั้งสิ้นที่จะแจกให้กับภาคครัวเรือนในเฟสแรกจำนวน 22.8 ล้านครัวเรือน และจะเป็นปัจจัยผลักดันผลประกอบการให้กับบริษัทตั้งแต่ 2Q57 เป็นต้นไป
             d) คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q57 ที่ 380 – 390 ล้านบาท เติบโตทั้ง yoy และ qoq จาก 1Q56 ที่ 353 ล้านบาท และ 4Q56 ที่ 365 ล้านบาท และเชื่อว่า Consensus จะมีมุมมองเชิงบวกมากหลังเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารในวันที่ 30 เม.ย.
             e) ราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2557 เพียง 11.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 15.9 เท่า และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะทำระดับสูงสุดใหม่ +18% yoy เป็น 1,725 ล้านบาท

What will DJIA move tonight?          
          คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 เม.ย. 2557 เวลา : 11:17:40

18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 6:59 pm