ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
"ยิ่งลักษณ์" แถลงปิดคดี ยืนยันโครงการรับจำนำข้าวมีประโยชน์คุ้มค่าต่อประเทศ


 วันนี้ (22 มกราคม 2558) เวลา 10.15 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย  ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้เปิดประชุม สนช. โดยมี สนช.ลงชื่อเข้าประชุม 154 ราย จากทั้งหมด 220 รายที่ประชุมได้เริ่มดำเนินกระบวนการถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

นายพรเพชร    กล่าวว่าในวันนี้เป็นกระบวนการรับฟังการปิดสำนวนด้วยวาจาของคณะกรรมการป.ป.ช.ผู้กล่าวหาและน.ส.ยิ่งลักษณ์    ชินวัตร    อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกกล่าวหา    จากนั้นได้เชิญทั้งผู้กล่าวหาคือนายวิชา    มหาคุณ    กรรมการป.ป.ช.และน.ส.ยิ่งลักษณ์    ชินวัตร    อดีตนายกรัฐมนตรีแถลงปิดคดี

หลังจากที่นายวิชาแถลงปิดคดีเสร็จสิ้น    เมื่อเวลา11.00น.น.ส.ยิ่งลักษณ์    แถลงปิดคดีต่อในทันทีโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่ามาวันนี้เพื่อแถลงปิดคดีทุกเรื่องที่ถูกกกล่าวหาเพื่อยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตนและเพื่อขอความเป็นธรรมต่อสภาแห่งนี้    โดยเข้าใจดีถึงดุลยพินิจที่เอกสิทธิ์และเป็นอิสระของทุกท่าน    หวังว่าทุกท่านจะได้ใช้ดุลยพินิจที่ถูกต้องเที่ยงธรรมไม่จำยอมต่อการชี้นำของบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า    วันที่แถลงเปิดสภาได้ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนและจัดทำเอกสาร    ดังนั้นในขั้นตอนตอบข้อซักถามจะเป็นประโยชน์ต่อสภาฯหากผู้ที่เป็นอดีตรมต.ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบจะได้มาให้ข้อมูลซึ่งรมต.ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบรับรู้ข้อเท็จจริงมาชี้แจงต่อสภาฯได้อย่างสมบูรณ์    และข้อบังคับของสภาฯก็เปิดให้สามารถมอบหมายให้รมต.มาชี้แจงแทนได้    ดิฉันจริงใจชี้แจงโดยไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น

อดีตนายกฯกล่าวว่าขอชี้แจงว่ารายงานและสำนวนของป.ป.ช.มีข้อสังเกตอันเป็นพิรุธที่ไม่สำนวนให้สมาชิกนำรายงานและสำนวนของป.ป.ช.นำมาเป็นข้อในการถอดถอนดิฉันในคดีนี้เพราะรธน.พุทธศักราช2550สิ้นสุดแล้วเหลือเพียงพ.ร.บ.ปปช.    ขอเรียนต่อสภาฯว่าการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะนำไปสู่การตัดสิทธิ์การดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา5ปีเป็นการจำกัดสิทธิ์และเสรีภาพของดิฉัน    การดำเนินคดีเพื่อถอดถอนดิฉันหากจะดำเนินการตอ่ไปไม่เป็นธรรมต่อดิฉันและไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ    นิติธรรมและเป็นการถอดถอนซ้ำซ้อน    จากที่แถลงในวันเปิดคดีว่าดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว    เป็นการถอดถอนที่ซ้ำซ้อน    ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจในการส่งเรือ่งนี้ให้แก่สภาฯในการถอดถอนดิฉันอีกเพราะจะถือเป็นการกระทำที่ผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเสียอีก

และในเรื่องระยะเวลาที่ใช้พิจารณาในการถอดถอนดิฉันว่าใช้เวลา1ปี10เดือนนั้นไม่เป็นความจริงโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ไล่เรียงตั้งแต่ที่ป.ป.ช.มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงสำนวนคดีถอดถอน    โดยกระบวนการไต่สวนของดิฉันได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่    28ม.ค.2557นับตั้งแต่28ม.ค.ถึง19ก.พ.ที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีหนังสือถึงดิฉันให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาใช้เวลาเพียง21วัน    และในกระบวนการหลังจากนั้นใช้เวลาอีก80วัน    ดังนั้นระยะเวลาที่ใช้ในการไถ่ถอนจึงใช้เวลาเพียง3เดือนเศษไม่ได้ใช้เวลา1ปี10เดือนดังที่ป.ป.ช.กล่าวอ้าง

ขอเรียนต่อสภาฯกรณีข้าวหาย2ล้านตันตามที่ผู้กล่าวหากล่าวอ้างนั้นไม่เป็นความจริงแต่ที่น่าเสียใจคือแม้ได้นำหลักฐานมาโต้แย้งแต่ป.ป.ช.กลับไม่รับฟัง    และกรณีของการระบายข้าวแบบจีทูจีป.ป.ช.กลับนำคดีระบายข้าวแบบจีทูจีที่กล่าวหาผู้อื่นมากล่าวผสมปนเปกับการกล่าวหาในคดีของดิฉัน    และเมื่อวานนี้(21ม.ค.)ก็เช่นกันนายปานเทพ    กล้าณรงค์ราญ    กรรมการป.ป.ช.ได้กล่าวชัดเจนว่าประเด็นที่ชี้มูลนายบุญทรง    เตริยาภิรมย์ก็ไม่เกี่ยวกับคดีการถอดถอนในคดีนี้แต่อย่างใด

ในตอนหนึ่งของการชี้แจงน.ส.ยิ่งลักษณ์    กล่าวถึงกรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)มีหนังสือถึงตน3ฉบับนั้นไม่มีฉบับใดที่แจ้งให้รัฐบาลของตนต้องยุติโครงการรับจำนำข้าว    รวมทั้งกรณีการตัดพยานของผู้ถูกกล่าวหาซึ่งตนเสนอพยานบุคคลไปทั้งสิ้น18รายแต่ป.ป.ช.รับฟังเพียง6รายซึ่งพยานที่กี่ยวข้องที่เสนอไปนั้นล้วนแต่มีผลในการสืบหักล้างข้อกล่าวหาในประเด็นต่างๆ    อาทิ    ดร.โอฬาร    ไชยประวัติ    นายสมชัยสัจจพงษ์เป็นการปิดกั้นโอกาสในการนำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการไต่สวนเมือ่เป็นเช่นนั้นสมาชิกสนช.จะเชื่อถือและยึดสำนวนความเห็นของป.ป.ช.ได้อย่างไร    นอกจากนี้ป.ป.ช.ใช้พยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลตน    อาทิ    นายอภิสิทธิ์    เวชชาชีวะ    หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน    นายวรงค์    เดชกิจวิกรม    นายนิพนธ์    พัวพงศกร

พร้อมกันนี้    อดีตนายกฯยังได้ชี้แจงว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายตามที่ถูกกล่าวอ้าง    แต่ในทางกลับกันกลับเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ    สรุปได้ว่าวินัยการคลังในช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นมีความเข้มแข็งและมั่นคง    ส่วนเหตุผลที่ยังเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว    ขอเรียนว่าโครงการรับจำนำข้าวมีคุณประโยชน์คุ้มค่าต่อประทศชาติมากกว่าเงินที่นำมาใช้ในโครงการ    จึงไม่มีเหตุผลใดๆที่จะยตุิโครงการและขอเรียนยืนยันว่ารัฐบาลดิฉันมีความจริงใจในการปราบทุจริต    โดยตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อควบคุมติดตามตรวจสอบการดำเนินงาน12คณะ,กำหนด13มาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปราบปรามการทุจริต    ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสต็อกข้าวทั่วประเทศ    ตั้งคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตข้าวในการรับจำนำข้าวที่สามารถฟ้องร้องคดีได้กว่า200คดี


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ม.ค. 2558 เวลา : 11:45:30

18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 4:42 pm