คำแนะนำ
  

หากหลุด $1,140 ลงมา รอการเข้าซื้อในบริเวณแนวรับ ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน
ทองคำ
  

แนวรับ 1,140 1,128 1,120
  แนวต้าน 1,150 1,156 1,167

ปัจจัยพื้นฐาน
   

ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 6.11 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งยังคงได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากผลการประชุมของเอฟโอเอมซี ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่าต่อไป โดยราคาทองคาทาจุดสูงสุดในสัปดาห์ที่ 1,156.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่เผชิญแรงขายออกมาบ้างจากการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2558 ของสหรัฐฯที่ออกมา 3.9% จากครั้งก่อนที่อยู่ที่ 3.7% ขณะเดียวกันราคาทองคาในประเทศได้ปรับตัวเพิ่มมากกว่าราคาทองคาในตลาดโลกจากการอ่อนค่าของเงินบาท นอกจากนี้กองทุน SPDR ได้เข้าถือทองคาเพิ่มเติมตลอดทั้งสัปดาห์ถึง 5.96 ตัน สาหรับสัปดาห์นี้จาเป็นต้องติดตามตัวเลขในตลาดแรงงานสหรัฐฯประกอบการตัดสินใจลงทุน

ปัจจัยเทคนิค
  

ราคาทองคาอ่อนตัวลงจากจุดสูงสุดในโซน 1,156 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทาให้บริเวณดังกล่าวจะเป็นแนวต้านต่อไป ขณะที่แนวรับนั้นอาจพิจารณาแนวรับระยะสั้นๆที่ 1,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับสาคัญในโซน 1,128-1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน
  

การเข้าซื้อยังคงต้องรอดูบริเวณ 1,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดลงมาอาจต้องชะลอการเข้าซื้อมาในบริเวณ 1,128 ดอลลาร์ต่อออนซ์(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์)

ข่าวสารประกอบการลงทุน
   

(-)สหรัฐเผยจีดีพี Q2/58 พุ่งเกินคาด 3.9% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายสาหรับช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัว 3.9% โดยสูงกว่าตัวเลขที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.7% การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าว บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งขณะเข้าสู่ช่วงไตรมาส 3 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีจะมีการขยายตัว 3.7% ในไตรมาส 2 ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ประเมินตัวเลขจีดีพีขั้นต้นสาหรับไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.3% ในเดือนก.ค. ก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มตัวเลขดังกล่าวขึ้นอีก 2 ครั้ง
    

(-)S&P ประกาศปรับลดคาดการณ์ราคาน้ามันดิบเบรนท์,WTI ในปีนี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศปรับลดคาดการณ์ราคาน้ามันดิบเบรนท์ในปีนี้ สู่ระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมที่ 55 ดอลลาร์ ขณะที่ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ามัน WTI ในปีนี้ สู่ระดับ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมที่ 50 ดอลลาร์ นอกจากนี้ S&P ยังได้คาดการณ์ราคาน้ามันดิบเบรนท์ในปีหน้าที่ระดับ 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ามันดิบ WTI ที่ระดับ 50 ดอลลาร์ ขณะเดียวกัน S&P ระบุว่า ต้นทุนการผลิตน้ามันต่อหน่วยของสหรัฐจะลดลง อันเนื่องจากประสิทธิภาพการขุดเจาะที่ดีขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าผลผลิตน้ามันจากสหรัฐจะไม่ลดลงมากเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
  

(+)ผลสารวจม.มิชิแกนชี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงในเดือนก.ย. ผลสารวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายประจาเดือนก.ย. ร่วงลงสู่ระดับ 87.2 จากระดับ 91.9 ในเดือนส.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนก.ย.อยู่สูงกว่าระดับ 86.7 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ส่วนดัชนีภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันร่วงลงแตะระดับ 101.2 ในเดือนก.ย. จาก 105.1 ในเดือนส.ค. ขณะที่ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจอนาคตลดลงสู่ 78.2 จากระดับ 83.4
    

(+)มาร์กิตเผยดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐปรับตัวลงในเดือนก.ย. บริษัทมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทสารวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสาหรับภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.6 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ดัชนี PMI ของเดือนก.ย.อยู่ในระดับต่าสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ และปรับตัวอยู่เหนือระดับ 50 เป็นเดือนที่ 23 ติดต่อกัน
   

(+/-)ธนาคารกลางจีนยืนยันรักษาเสถียรภาพนโยบายการเงิน ธนาคารกลางจีน (PBOC) แถลงว่า PBOC จะรักษานโยบายการเงินที่มีเสถียรภาพ และมีความต่อเนื่อง PBOC ยังระบุว่า ในระยะต่อไป PBOC จะดาเนินนโยบายการเงินที่มีความระมัดระวัง และมุ่งสร้างความสมดุลระหว่างการผ่อนคลายและการคุมเข้มนโยบาย นอกจากนี้ PBOC จะใช้เครื่องมือที่หลากหลายด้านนโยบายเพื่อรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับปานกลาง และให้มีการขยายตัวอย่างเหมาะสมสาหรับการปล่อยสินเชื่อ และการให้เงินกู้ทางด้านสังคม ขณะเดียวกัน PBOC จะทาการปฏิรูปทางการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายในการระดมทุน รวมทั้งเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ย และปรับปรุงกลไกอัตราแลกเปลี่ยนสกุลหยวนให้มีเสถียรภาพ