คำแนะนำ
   

เสี่ยงซื้อในบริเวณ $1,064(ตัดขาดทุนหากหลุด $1,064) ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน

ทองคำ
  

แนวรับ 1,064 1,050 1,040
  

แนวต้าน 1,085 1,098 1,113

ปัจจัยพื้นฐาน
   

ราคาทองคำรอบสัปดาห์ทาจุดต่าสุดในบริเวณ 1,064.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวลง 10.11 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยในช่วงแรกปรับตัวลงค่อนข้างมาก จากกระแสประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สาขาริชมอนด์ ควีพแลนด์ แอตแลนตา และนิวยอร์ก ต่างประสานเสียงถึงการสนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กดดันราคาทองคา อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายสัปดาห์ราคาทองคำได้ดีดตัวขึ้นมาได้บ้าง จาก Short Covering อีกทั้งเงินสกุลดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงมา สาหรับกองทุน SPDR ในสัปปดาห์ที่ผ่านมาได้ลดการถือครองทองคาลง 1.19 ตัน เบื้องต้นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยยังจำเป็นต้องติดตามต่อเนื่อง เพราะยังเป็นประเด็นสาคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

ปัจจัยเทคนิค
   

ราคาทองคำแม้จะมีการดีดตัวขึ้นได้บ้างแต่ยังไม่สามารถทดสอบ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เบื้องต้นประเมินแนวต้านในบริเวณ 1,085 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับระยั้นอยู่ในโซน 1,064 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน
  

เก็งกำไรตามกรอบราคา โดยการเปิดสถานะขายต้องรอพิจารณาในบริเวณ 1,098 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่การเข้าซื้ออาจเสี่ยงในบริเวณ 1,064 ดอลลาร์ต่อออนซ์(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,064 ดอลลาร์ต่อออนซ์)

ข่าวสารประกอบการลงทุน
   

(-)ประธานเฟดนิวยอร์กหนุนขึ้นดบ.ในไม่ช้า ขณะเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับเงินเฟ้อ,จ้างงาน นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดควรเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ขณะที่กรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่า และการจ้างงานจะยังคงมีเสถียรภาพ "เราหวังว่าในไม่ช้า เราจะมีความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%" เขากล่าว นายดัดลีย์ยังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่จะคาดว่าภาวะเงินเฟ้อและการจ้างงานจะสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดในไม่ช้า ซึ่งจะทาให้กรรมการเฟดเริ่มคิดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ต่อข้อถามเกี่ยวกับการโจมตีกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว นายดัดลีย์กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ดังกล่าว และจากเหตุการณ์โดยรวมของภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความขัดแย้ง
   

(+/-)เฟดเซนต์หลุยส์คาดการดาเนินนโยบายดอกเบี้ยจะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ เปิดเผยว่า สหรัฐจะกลับไปสู่ยุคที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการดาเนินนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมแต่ละครั้ง ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดกล่าวว่า หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกแล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปก็จะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เฟดได้รับในการประชุมแต่ละครั้ง นอกจากนี้ เขากล่าวเสริมว่า เฟดจะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดาเนินนโยบาย โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ
   

(+/-)กสิกรไทย คาดเงินบาทสัปดาห์เคลื่อนไหว 35.70-36.00 จับตาข้อมูลศก.ไทย-ตปท. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์เงินบาทสัปดาห์(วันที่ 23-27 พ.ย.) โดยระบุว่าธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.70-36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ แรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงใกล้สิ้นเดือของผู้ประกอบการ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนต.ค. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สาคัญ ประกอบด้วย ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการขั้นต้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และรายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค. รวมถึงข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/58 (ครั้งที่ 2) นอกจากนี้นักลงทุนอาจจับตาข้อมูล PMI ของประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
   

(+/-)มาริโอ ดรากี เผยอีซีบีเผยพร้อมใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อ นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ว่า อีซีบีจะดาเนินการในสิ่งที่จาเป็น เพื่อที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า นโยบายของอีซีบียังไม่สามารถทาให้บรรลุเป้าหมายได้ทั้งนี้ นักลงทุนต่างจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายดรากี เพื่อประเมินว่า อีซีบีจะผ่อนคลายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพิ่มเติมหรือไม่ในการประชุมวันที่ 3 ธ.ค. นายดรากียังได้กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของอีซีบีซึ่งอยู่ในระดับติดลบด้วยเช่นกัน ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า อีซีบีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก นอกจากนี้ ประธานอีซีบียังได้เน้นย้าถึงประสิทธิภาพของโครงการซื้อพันธบัตรของอีซีบี ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจจะมีการขยายวงเงินในการซื้อพันธบัตร
    

(+/-)ซาอุดิอาระเบียลั่นร่วมมือสมาชิกโอเปกเพื่อหนนุเสถียรภาพตลาดน้ามัน นายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียเปิดเผยในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรนว่า ซาอุดิอาระเบียกาลังร่วมมือกับประเทศสมาชิกรายอื่นๆของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ามัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก เพื่อสร้างเสถียรภาพของตลาดน้ามันโลก นายอัล-ไนมีกล่าวว่า ในช่วงเวลา 10 ปีนี้ ความต้องการน้ามันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วันในแต่ละปี ด้วยเหตุนี้ทั่วโลกจึงจาเป็นต้องลงทุนในอุตสหกรรมน้ามันมากขึ้น หลังจากที่การลงทุนฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าในช่วงก่อนหน้านี้