ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยออยล์วิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่องแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี จากกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด


- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับตัวลดลงมากกว่า 1% หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเกือบสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี จากความกลัวที่ผู้ผลิตน้ำมันดิบรายต่างๆ ในโลกจะเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้น เพื่อที่จะแย่งส่วนแบ่งการตลาด หลังจากที่ผู้ผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมันดิบใหม่สำหรับช่วง 6 เดือนข้างหน้าได้ แต่อย่างไรก็ตามซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มโอเปกก็มีความพร้อมที่จะต่อสู้ในการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดในครั้งใหม่นี้ โดยมีปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันนอกเหนือจากปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตได้ต่อวัน
  

- จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีเช่นกัน ประกอบกับรายงานของสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) ที่ออกมาประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับตัวสูงขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 5.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.5 ล้านบาร์เรล
  

+/- แต่อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค. 58 ได้ปรับลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล มาสู่ที่ระดับ 488 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงที่สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 252,000 บาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 614,000 บาร์เรล
  

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้ออกมาประกาศตัวเลขคาดการณ์ปริมาณกำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในปี 2559 ว่าจะมีกำลังการผลิตปรับตัวลดลง 570,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 8.76 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งก่อนหน้าที่ 520,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากมีปริมาณหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลา 13 สัปดาห์  ในขณะที่ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นที่ 160,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งก่อนหน้าที่ 120,000 บาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ (RBOB) ปรับตัวลดลง ประกอบกับอุปสงค์ที่ปรับตัวลดลงตามฤดูกาลจากทางด้านซีกโลกเหนือ แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเบนซินที่อยู่ในระดับต่ำนี้ ยังคงสามารถกระตุ้นให้ผู้ขับขี่รถยนต์มีการใช้น้ำมันเบนซินในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนและอินเดีย
  

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณอุปทานน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศจีน ในขณะที่ยุโรปมีการน้ำเข้าน้ำมันดีเซลลดลง และสภาพอากาศที่ยังไม่หนาวเย็นนักในสหรัฐฯ จึงทำให้มีอุปทานจากทางด้านสหรัฐฯ ลดลง

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
  

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 35-40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 38-43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
  

การประชุมล่าสุดของกลุ่มโอเปกพบว่า โอเปกยังคงเน้นกลยุทธ์ในการผลิตในระดับสูงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในกรณีที่ผู้ผลิตนอกกลุ่มมีการปรับลดด้วยเท่านั้น นอกจากนั้น อิหร่านยังมีการส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 5 แสนบาร์เรลต่อวันโดยทันทีหลังจากที่ได้รับการยกเลิกการคว่ำบาตรและภายหลังจาก 6 เดือนจะมีการเพิ่มปริมาณการส่งออกเป็น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าโรงกลั่นจะเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงแล้วก็ตาม เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ (สิ้นสุดวันที่ 27 พ.ย. 58) ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน โดยปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 489.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในเดือน เม.ย. 58 ที่ 490.9 ล้านบาร์เรล
  

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น เนื่องจากตลาดคาดว่าในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในเดือน ธ.ค. นี้ FED จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นร้อยละ 0.25 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯในปัจจุบันที่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและอัตราการว่างงานลดต่ำลง ซึ่งสวนทางกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีการผ่อนคลายเพิ่มเติมในการประชุมล่าสุดโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีกร้อยละ 0.1 และขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE) เป็น มี.ค. 60 จากเดิม ก.ย. 59

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ธ.ค. 2558 เวลา : 10:43:09

20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:04 am