ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้ปรับตัวลงแรงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน และหลุดแนวรับบริเวณ 1370 จุด จากแรงขายหุ้นกลุ่ม ICT และธนาคาร ส่งผลให้หลุดแนวรับบริเวณ 1,370 จุด และปิดลดลง 16.90 จุด หรือ -1.23% ที่ 1,356.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.1 หมื่นล้านบาท 
ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 2,844 ล้านบาท จากการลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร และสื่อสาร รวมทั้งแรงขายทำกำไรจากพอร์ตลงทุนบริษัทหลักทรัพย์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีก 2,222 ล้านบาท โดย YTD นักลงทุน 2 กลุ่มนี้ยังมีสถานะซื้อสุทธิ 17,483 ล้านบาท และ 11,738 ล้านบาท ตามลำดับ 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนฉุกเฉิน มาตรการเยียวยาคลื่น 900MHz ของ ADVANC 
          ติดตามความเห็นของนายกฯ ต่อข้อเสนอการใช้ม. 44 ในการตัดสินใจเรื่องใบอนุญาตคลื่น 900MHz คลื่นที่ 1 ซึ่งกสทช.จะนำเสนอให้ทีมกฎหมายของรัฐบาลพิจารณาในวันนี้ และ ADVANC ขอข้อสรุปภายในวันที่ 14 เม.ย.
 
 

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
          เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์
          ติดตามตัวเลขส่งออกจีนในวันที่ 13 เม.ย. และ GDP 1Q59 ในวันที่ 15 เม.ย.
 
 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 3)
          MBKET ประเมินว่าการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นไทยใน 2 วันทำการที่ผ่านมา เกิดจากปัจจัยลบเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธนาคาร หลังธนาคารพาณิชย์ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และกลุ่มสื่อสาร จากการปรับตัวลงของหุ้นหลักในกลุ่ม ได้แก่ ADVANC, DTAC เนื่องจากความกังวลต่อการแข่งขันด้านราคา และต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นของ ADVANC หลังเสนอขอชำระเงิน 7.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรับใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz และแรงขายทำกำไรของพอร์ตลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์เป็นอีกปัจจัยลบกดดันตลาด 
          เราคาดว่า SET INDEX วันนี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway บริเวณ 1350 – 1360 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลง และคาดว่าการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคาร และสื่อสารจะยังเป็นไปอย่างจำกัดจนกว่าปัจจัยลบจะคลายตัว และ SET INDEX จะมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่องในสัปดาห์หน้าที่เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์
          อย่างไรก็ตาม คาดว่า SET INDEX จะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาว และการปรับตัวลงของตลาดในรอบนี้เป็นโอกาสสะสมหุ้นบริเวณ 1340 – 1350 จุด ในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดจากข่าวบวกคือแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯที่จะนำเสนอครม. ในช่วงครึ่งหลังของเดือน เม.ย. และการประมูลงานขนาดใหญ่ใน 2Q59
 

Stock Pick of The Day          
          1. สะสม TPIPL : ราคาปิด 2.54 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
          a) ทิศทางกำไรจากการดำเนินงานใน 1Q59 จะเติบโตเด่นทั้ง yoy และ qoq จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าขยะ 73MW แบบเต็มไตรมาส และเป็นไตรมาสแรกที่เดินเครื่องได้เต็มที่ 
          b) คาดว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวก หลังวานนี้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระให้ความเห็นว่ามูลค่าของบริษัทลูก TPIPP โดยวิธี DCF อยู่ในช่วง 3.1 – 4.6 หมื่นล้านบาท เทียบกับ Market Cap ปัจจุบันของ TPIPL ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเสนอขาย IPO ได้ราว 4Q59 
          c) คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯในปี 2559 และต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า            

          2. สะสม ITD  : ราคาปิด 7.10 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะเป็นหุ้นกลุ่มเด่นที่ฟื้นตัวได้ดีกว่าตลาด หลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากจะมีการนำเสนอโครงการขนาดใหญ่ให้ครม.พิจารณา รวมทั้งการเปิดประมูลต่อเนื่องใน 2Q59 
          b) ความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซ จ.อุดรธานีจะเป็น Catalyst สำคัญ หลังกำหนดวันทำประชาพิจารณ์รอบสุดท้ายแล้วในวันที่ 23 เม.ย. 
          c) ให้เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจาก Upside สูงสุด และมูลค่าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซเฉพาะโครงการอุดรใต้ คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น ITD แบบ Conservative ไม่ต่ำกว่า 5.00 บาทต่อหุ้น 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเล็กน้อย US$27 ล้าน จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ US$187 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยวันที่ 3 ติดต่อกัน
          นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีก 2,844 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 1,742 ล้านบาท  รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 5,514 ล้านบาท  แต่ยอด YTD ซื้อสุทธิ 17,483 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีก 62 สัญญา แต่ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ Short สุทธิ 12,172 สัญญา ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเท่ากับ 13,622  สัญญา
          และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีก 238 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 4,630 ล้านบาท 

Short-Selling วานนี้ 
มูลค่าการทำ Short Selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,938 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 1,620 ล้านบาท           

NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 เน้นกลุ่ม ICT, ธนาคาร และขนส่ง
          การซื้อขายผ่าน NVDR คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 959 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 1,589 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 2,678 ล้านบาท โดยเป็นการลดน้ำหนักหุ้นกลุ่ม ICT, ธนาคาร และขนส่ง  

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาเชิงบวก: 
          ยอดขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 2.67 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 2.70 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.76 แสนตำแหน่ง 
          ยอดสินเชื่อเพื่อการบริโภคอยู่ที่ US$1.72 หมื่นล้าน จากเดือนก่อนหน้าที่ US$1.49 หมื่นล้าน และมากกว่า Bloomberg Consensus คาด US$1.49 หมื่นล้าน

 
ยุโรป
          ไม่มี

จีน          
          ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน: อยู่ที่ระดับ US$3.213 ล้านล้านในเดือน มี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ US$ 3.202 ล้านล้าน สวนทางกับที่ Bloomberg Consensus คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ US$3.196 ล้านล้าน เมื่อค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังทางการเข้มงวดด้านอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นและเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเฟดลดเป้าหมายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ ช่วยลดแรงกดดันจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออก

เอเชียแปซิฟิก
          อัตราเงินเฟ้อไต้หวันเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด: เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 2% yoy ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 2.41% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาด 1.40% yoy ทั้งนี้ราคาอาหารเร่งตัวขึ้นเป็น +8.62% yoy จากเดือนก่อนที่ 8.45% yoy

ไทย
          ไม่มี


โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 8 เม.ย. 2559


 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 เม.ย. 2559 เวลา : 10:33:18

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 1:16 am