ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ส.ประกันชีวิตฯเผยเบี้ยประกันชีวิตรับรวมQ1/59 เติบโต 5.80 %


 


นายสาระ ล่ำซำ  นายกสมาคมประกันชีวิตไทย  เปิดเผยว่า เบี้ยประกันชีวิตรับรวมไตรมาสแรก ปี 2559 (มกราคม-มีนาคม) ทั้งสิ้น 141,493 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.80 โดยแยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จำนวน 40,734 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.98 และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 100,759 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.98 อัตราความคงอยู่ร้อยละ 82 
 
 
 

สำหรับเบี้ยประกันชีวิตแยกตามช่องทางการจำหน่าย ช่องทางที่มีการขยายตัวมากเป็นพิเศษ คือช่องทางธนาคาร โดยในไตรมาสแรก ปี 2559 การขายผ่านธนาคารขึ้นครองอันดับ 1 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 47.69 ของเบี้ยประกันชีวิตรับรวม รองลงมาเป็นการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต สัดส่วนร้อยละ 44.97 
 
 
สถิติเบี้ยประกันชีวิตรับ และสถิติแยกตามช่องทางการจำหน่าย 3 เดือนของปี 2559 ตั้งแต่มกราคม-มีนาคม 2559 ที่สมาคมประกันชีวิตไทยรวบรวมได้ในขณะนี้ มีดังนี้
 
1. เบี้ยประกันชีวิตรับรวม เดือนมีนาคม 2559  มีทั้งสิ้น 141,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 5.80 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด หรือมีขนาดใหญ่สูงสุด 7 อันดับแรก คือ 
อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 27,786 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 19.64   
อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 27,209 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 19.23
อันดับที่ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 17,546 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 12.40
อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 13,923 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.84  
อันดับที่ 5 บมจ.กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 13,730 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.70
อันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 13,412 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.48
อันดับที่ 7 บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวน 7,577 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 5.35
รวม 7 อันดับแรก ครองสัดส่วนการตลาดร้อยละ 85.65 และอีก 15 บริษัทที่เหลือครองสัดส่วนการตลาด   ร้อยละ 14.35  

 
2.  เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ เดือนมีนาคม 2559  มีทั้งสิ้น 40,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 2.98 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 7 อันดับแรก คือ 
อันดับที่ 1 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 9,892 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 24.29   
อันดับที่ 2 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 5,948 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 14.60 
อันดับที่ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 4,551 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.17  
อันดับที่ 4 บมจ.กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 4,281 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.51  
อันดับที่ 5 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 3,755 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.22
อันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 2,417 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 5.93
อันดับที่ 7 บมจ.เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำนวน 1,918 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 4.71

3. เบี้ยประกันชีวิตที่ขายผ่านช่องทางการจำหน่าย มีดังนี้
อันดับ 1 การขายผ่านธนาคาร จำนวน 67,393 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 47.69 หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 9.95 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
อันดับ 2  การขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต จำนวน 63,546 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 44.97 หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 1.95
อันดับ 3 การขายผ่านช่องทางการตลาดแบบตรง 3,798 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 2.69 หรือเติบโตลดลงร้อยละ 6.59 
อันดับ 4 การขายผ่านช่องทางอื่นๆ 6,573 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 4.65 หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 8.66

นายกสมาคมประกันชีวิตไทย  กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายการใช้จ่ายและลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดาลง ส่งผลให้ภาพรวมขยายตัวดีขึ้น ประชาชนหันมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในลักษณะที่ยังคงรัดกุม และหาช่องทางเพื่อเพิ่มรายรับของตัวเองมากยิ่งขึ้น จึงหันมาสนใจในเรื่องของการลงทุน ซึ่งการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจ เพราะนอกเหนือจากผลประโยชน์ที่จะได้รับจากซื้อประกันแล้ว ก็ยังได้รับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มเติมด้วย แต่อย่างไรก็ตามสำหรับประกันชีวิต ผู้เอาประกันจำเป็นต้องมีวินัยในการชำระเบี้ยประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ จนเมื่อครบระยะเวลาตามที่กรมธรรม์ฯ กำหนด ก็จะได้รับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนอีกส่วนหนึ่ง แต่ถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ในขณะที่กรมธรรม์ฯ มีผลบังคับ ก็ยังจะได้รับเงินสินไหมดทดแทน ตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก สมาคมจึงขอให้ผู้เอาประกันภัยตรวจสอบสถานะของกรมธรรม์ฯ ให้มีผลบังคับอยู่เสมอ และไม่หยุดหรือยกเลิกการชำระเบี้ยประกันชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญาเพื่อประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยเป็นสำคัญ 

ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายข้อมูลเพื่อการพัฒนาธุรกิจ สมาคมประกันชีวิตไทย โทรศัพท์        0-2679-8080 ต่อ 532 หรือ Download ข้อมูลสถิติได้จาก www.tlaa.org/2012/statistics.php


 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ค. 2559 เวลา : 10:35:53

23-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 23, 2024, 6:08 pm