ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วันศุกร์ปรับฐานลงต่อเป็นวันที่ 2 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลงทดสอบ US$50 สำหรับ NYMEX ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรง รวมถึงบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรปปรับฐานลงต่อ ทำให้ ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเป็นวันที่ 2 อีก 6.44 จุด มาอยู่ที่ 1,429.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,038 ล้านบาท
         
ต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 85 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 583 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 อีก 5,480 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ตลาดทั่วโลกเริ่มกังวลต่อกรณี Brexit เงินทุนไหลเข้าพักใน Safe haven 
          - โพลล์ล่าสุด 55% ชาวอังกฤษต้องการออกจากอียู           
          - ราคาน้ำมันดิบ NYMEX หลุดแนว US$50/barrel คืนวันศุกร์
          - คาดเงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 15)
         
ล่าสุด VIX Index ของ S&P500 เพิ่มขึ้นถึง 16.33% ปิดที่ 17.03 จุด สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกเริ่มกังวลต่อประเด็น Brexit หลังโพลล์ล่าสุดเสียงต้องการออกจากอียู เป็นสัดส่วนที่ใหญ่สุดเป็นครั้งแรก ทำให้เงินทุนไหลกลับเข้า Safe haven อย่างพันธบัตร / ทองคำ อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าประเด็นดังกล่าวจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างจำกัด แต่ในแง่ของจิตวิทยาการลงทุนย่อมทำให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศต้องระมัดระวังมากขึ้น อาจมีการลดน้ำหนักกลุ่ม Global Play อย่างกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / เกษตรฯ ในช่วงนี้ ซึ่งก็สอดคล้องกับ Valuation และ Technical Chart ที่ก็ตึงตัวแล้วเช่นกัน
         
เราประเมินว่า SET INDEX จะปรับฐานลงเป็นวันที่ 3 สู่แนว 1,410-1,415 จุด กดดันด้วยกลุ่ม Global Play ซึ่งกลายเป็นจังหวะของการเข้าสะสมหุ้นหลักในกลุ่ม Domestic Playเราเชื่อว่ากลุ่มธนาคารที่ปรับฐานในสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะช่วยประคองภาพรวม รวมไปถึงกลุ่ม ICT / ค้าปลีก / รับเหมา / ขนส่งรถไฟ เป็นต้น 
         
เชิงกลยุทธ์การลงุน เราแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นหลักกลุ่ม Domestic Play ราว 50% ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะบรรยากาศเช่นนี้ SET INDEX มีโอกาสทดสอบ 1,400 จุดได้ในบางช่วงบางจังหวะ น่าจะเป็นระดับที่เข้าสะสมเพิ่มเติม สำหรับเทรดดิ้ง หุ้นขนาดกลางและเล็กจะมีความโดดเด่น ฉีกจากภาพรวมของตลาดหุ้นรวม

Stock Pick of The Day
          1. สะสม BANPU : ราคาปิด 12.10 บาท ราคาเหมาะสม 14.20 บาท
          a) MBKET ประเมินว่าราคาหุ้นมี Downside Risk จำกัด หลังสามารถยืนได้ที่ระดับราคา 12.00 บาทในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งหุ้นเพิ่มทุน ต้นทุนหุ้นละ 5.00 บาทเข้าซื้อขายได้เป็นวันแรก 
          b) เชื่อว่าราคาถ่านหินได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และจะเข้าสู่การฟื้นตัวในปี 2559 โดยราคาถ่านหิน BJI สัปดาห์ล่าสุด เพิ่มขึ้น +2.9% wow เป็น US$54.19/ตัน ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้น +3.7% YTD 
          c) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา YTD (คำนวณบนฐานที่กระทบผลการเพิ่มทุนแล้ว) ราคาหุ้น BANPU ยังใกล้เคียงกับราคาปิดสิ้นปี 2558 ที่ 12.10 บาท เทียบกับ SET ENERGY +22.1% และการรับรู้รายได้จากโครงการไฟฟ้าหงสาในปีนี้ จะเป็นตัวต่อยอดให้ผลประกอบการปี 2559 พลิกกลับเป็นกำไร 1,238 ล้านบาท และเติบโตสูง +45.7% yoy เป็น 2,164 ล้านบาท ในปี 2560

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
          ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 13 อีก US$391 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$388 ล้าน 
          ทั้งนี้เงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัวชัดเจน

Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติเริ่มทยอยชายทำกำไรตลาดหุ้นไทยและปิด Long ใน SET50 Index Futures

          นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เล็กน้อย 85 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 395 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 27,790 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเพียง 583 สัญญา คาดว่าเป็นการกลับมาทยอยปิดสถานะ Long อีกครั้ง เมื่อ S50M16 กลับมาปิดสูงกว่า SET50 Index อีกครั้ง 0.28 จุด จากวันก่อนหน้าปิด Discount เท่ากับ 1.55 จุด ทำให้ยอดสุทธิ QTD สถานะคงการ Long สุทธิยังยืนเหนือ 35,000 สัญญา เป็น 36,231 สัญญา  
          แต่นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 อีก 5,480 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 63,226 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยเริ่มปรับฐานลงเล็กน้อย ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 2.94bps จากวันก่อนหน้าลดลงมากถึง 8.06bps ปิดที่ 2.096%  

Short-Selling วานนี้ 
          ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 887 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 902 ล้านบาท 

NVDR Movement
          NVDR ขายสุทธิวันที่ 2 เน้นลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานอย่างโดดเด่น

          การซื้อขายผ่าน NVDR คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง 87 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 441 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการลดน้ำหนักกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันเริ่มปรับฐานลง และกลับมาสะสมกลุ่ม Domestic อย่างกลุ่มค้าปลีก และอสังหาฯ 

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
         
ดัชนี Consumer sentiment เดือนมิ.ย. ใกล้เคียงคาด: ตัวเลขเบื้องต้นเท่ากับ 94.3 จุด ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาดที่ 94.5 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 94.7 จุด

ยุโรป
         
ประธานธนาคารกลางเยอรมัน มองว่าหาก ECB คงอัตราดอกเบี้ยต่ำยาวนานจะสร้างความเสี่ยง: เพราะตลาดเองจะเริ่มกังวลหาก ECB คงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำยาวนาน และผลที่ตามมาคือ โอกาสที่จะเห็น Risk Premium ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการใช้โครงการ QE ที่มากขึ้นและต่อเนื่อง ขณะที่ ECB คาดว่าจะคงหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกระยะหนึ่ง ภายใต้การทำงานควบคู่กับ QE 
         
Brexit โพลล์ล่าสุดเสียงส่วนมากอยากออกจากอียู: รายงานโพลล์ จาก The Independent รายงาน ณ วันที่ 9 มิ.ย. พบว่า 55% ต้องการออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู เทียบกับ 45% ที่ต้องการอยู่ในกลุ่มอียู ซึ่งถือเป็นโพลล์ครั้งแรกที่ผลออกมาต้องการออกจากอียู 

จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
         
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียขยายตัวต่ำกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 3.0% yoy ในเดือน เม.ย. เทียบกับที่ Bloomberg Consensus คาด +3.5% yoy แต่เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 2.8% yoy นำโดยภาคการผลิต, ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 3.3% yoy และ 9.4% yoy ตามลำดับ 
         
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอินเดียหดตัวสวนทางคาด: ลดลง 0.8% yoy ในเดือน เม.ย. ขณะที่ Bloomberg Consensus คาด +0.6% yoy และเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 0.3% yoy เป็นผลจากภาคการผลิตที่หดตัว 2.5% yoy อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมเหมืองแร่และไฟฟ้าขยายตัว 0.1% yoy และ 1.5% yoy ตามลพดับ

ไทย
         
รองนายกฯ เล็งเอาไฮสปีดเทรน กทม.-ระยอง / กทม.-หัวหินเข้า PPP: นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณานำโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ - ระยอง และ กรุงเทพ - หัวหิน เข้าโครงการ Fast Track ของคณะกรรมการ PPP โดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพ-ระยอง เนื่องจากเส้นทางนี้จะช่วยทำให้ระบบการขนส่งในอีสเทิร์นซีบอร์ดสมบูรณ์มากขึ้น เพราะจะมีทั้งระบบขนส่งและระบบโลจิสติกส์ที่ดี รวมทั้งคลังสินค้าที่ดี ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่น จีน และเกาหลีต่างให้ความสนใจการลงทุนในระยองอยู่แล้ว และจะทำให้ไทยกลายเป็นเกตเวย์ของกลุ่มประเทศ CLMV หรืออาเซียนตอนบนได้ นอกจากนี้ คาดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และ สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ได้ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้พร้อมกัน

 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 13 มิ.ย. 2559


 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 มิ.ย. 2559 เวลา : 10:34:43

24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 8:38 pm