ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา ยังคงอยู่ในช่วงของการพักฐาน เกิดแรงขายสะท้อนงบการเงิน 2Q59 ของกลุ่มธนาคาร รวมถึงกลุ่ม ICT / พลังงานที่เผชิญกับแรงขาย แต่มีแรงซื้อหุ้นกลับในช่วงท้ายตลาด ผลักดันให้ SET INDEX ปิดบวกอีกครั้ง 6.43 จุด มาอยู่ที่ 1,509.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53,368 ล้านบาท
          ต่างชาติยังคงเลือกซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 10 อีก 2,009 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 11,121 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เล็กน้อย 500 ล้านบาท 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ต่างชาติยังคงเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวมากกว่า การมี Position ใน SET50 Index Futures
          - จับตากลุ่มอสังหาฯ หลังโบรกเกอร์ต่างชาติเริ่มให้ความสนใจเชิงบวกมากขึ้น เพราะ Valuation ถูก และปันผลสูง

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 3)
          เราให้มุมมองเป็น “กลาง” ต่อบรรยากาศการลงทุน ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะยังคงหนาแน่นในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย แต่เมื่อเทียบ Upside gain ของภาพรวมตลาดหุ้นในโซนนี้ เริ่มจำกัด เม็ดเงินทุนที่โยกจากตลาดตราสารหนี้ที่หนีผลตอบแทนติดลบ สู่ตลาดหุ้น คาดว่าจะชะลอตัวลงในช่วงสั้น เพื่อรอดูท่าทีของเฟดในคืนวันพุธนี้ ขณะเดียวกัน BoJ ยืนยันจะไม่มีการเพิ่มวงเงิน QE ในการประชุมนัดนี้ เราจึงประเมินว่า SET INDEX จะเริ่มแกว่งในกรอบแคบ 1,500-1,520 จุด หุ้นหลักในกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร / กลุ่มพลังงาน / กลุ่ม ICT / SCC / AOT เริ่มแกว่งแคบลง เพราะขาดปัจจัยใหม่หนุนการลงทุน และราคาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานไปมากแล้ว
          เราเริ่มกลับมามองกลุ่มอสังหาฯ ที่ภาพรวมมี Valuation ที่ต่ำ PER59 ของกลุ่มเฉลี่ยเพียง 10.0x เทียบกับ SET INDEX ณ ปัจจุบันที่ 16.3x บวกกับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง 4.7% ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบันที่ 3.0% เราจึงมองว่าเม็ดเงินทุนต่างชาติระลอกใหม่จะกลับมามองกลุ่มนี้มากขึ้น ผลการดำเนินงานใน 2Q59 โดยรวม ยังได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเดือนเม.ย. 
          กลยุทธ์การลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย เมื่อราคาย่อตัว” โดยกลับมาเน้นกลุ่มอสังหาฯ ให้มากขึ้น หลังหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นไปชนราคาเหมาะสมไปมากแล้ว หรือหุ้นขนาดกลางที่มีผลการดำเนินงาน 2Q59 ที่มีแนวโน้มเติบโตเด่น 

Strategy of the Day          
          1. เก็งกำไร LH : ราคาปิด 9.60 บาท ราคาเหมาะสม 10.80 บาท
          a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวก หลัง LHBANK รายงานกำไรสุทธิ 2Q59 เติบโตถึง +91% yoy ดีกว่าคาดการณ์ของตลาดของตลาดถึง 60% จึงคาดจะส่งผลให้ Equity Income ของ LH เติบโตสูงใน 2Q59 โดยปัจจุบัน LH ถือหุ้น 33.9% และจะลดลงเหลือ 21.9% หลัง CTBC ชำระเงินเพิ่มทุนใน LHBANK 
          b) คาดกำไรสุทธิ 2Q59 เติบโต qoq และจะเด่นใน 2H59 จากการรับรู้รายได้ Backlog โครงการคอนโดมิเนียม ได้แก้ 333 Riverside และ The Room Sathorn 11
          c) ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง โดยคาดการณ์เงินปันผล 1H59 หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.6% และทั้งปี 2559 หุ้นละ 0.56 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.8% 
          2. สะสม BEM : ราคาปิด 6.85 บาท ราคาเหมาะสม 8.10 บาท
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ BEM หลังคสช.ประกาศใช้มาตรา 44 เพือเร่งรัดการเจรจากับ BEM ในสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายให้เสร็จภายใน 3Q59 และมีโอกาสที่จะได้ต่ออายุสัมปทานเดินรถสายสีน้ำเงินเดิมออกไปอีก 20 ปี 
          b) มี Catalyst รออยู่ใน เดือน ส.ค. คือการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงในวันที่ 6 ส.ค. และทางด่วนศรีรัชในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิ 3Q59 เติบโตต่อเนื่อง qoq รวมทั้งจะเห็นประโยชน์ที่ชัดเจนของการ Refinance ใน 2Q59 ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีนัยตั้งแต่ 3Q59 เป็นต้นไป
          c) ผลจากการปรับเพิ่มสมมติฐานระยะยาวของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเพิ่มขึ้นอีก 3 ปีและโครงสร้างค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ที่จ่ายให้กับภาครัฐฯที่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม ส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 8.10 บาท จากเดิมที่ 6.50 บาท พร้อมทั้งให้เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มขนส่ง

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
          เงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว
          แม้ซื้อสุทธิอีก US$226 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$784 ล้าน Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติกลับมามีสถานะ Short ใน QTD ของ SET50 Index Futures
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 10 อีก 2,009 ล้านบาท รวม 10 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 25,000 ล้านบาท เป็น 28,249 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิทะลุ 65,000 ล้านบาท เป็น 68,169 ล้านบาท
          แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิมากถึง 11,121 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ใน QTD และกลับมามีสถานะ Short โดย QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิ 5,251 สัญญา ทั้งนี้  S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 5.28 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.46 จุด    
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 แต่เพียง 500 ล้านบาท รวม 3 ขายสุทธิ  4,139 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,293 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยเริ่มแกว่งในกรอบแคบอีกครั้ง ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ แต่เพียงเล็กน้อย 0.45bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 5.33bps ปิดที่ 2.102%

Short-Selling วานนี้ 
          ลดลงเหลือ 809 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 943 ล้านบาท 

NVDR Movement
          NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12 ยังคงเน้นหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร แม้ว่าผลการดำเนินงานจะออกมาผิดหวังก็ตาม
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 2,612 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,403 ล้านบาท รวม 12 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 35,000 ล้านบาท เป็น 37,896 ล้านบาท ยังคงเน้นสะสมกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง แม้ว่าผลการดำเนินงานใน 2Q59 จะออกมาไม่เด่นก็ตาม

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา

          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงบวก
          ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค. เท่ากับ 52.9 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 51.9 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 91.4 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่แข็งแกร่ง และเป็นเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 9 เดือน 

ยุโรป
          สเปนคาดเศรษฐกิจเติบโต 2.9% ปีนี้: เร่งขึ้นจากประมาณการเดินก่อนหน้าที่ 2.7% แต่ชะลอตัวจากปี 2558 ที่เติบโตดีที่สุดใน 8 ปีที่ 3.2% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความต้องการภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัว รวมถึงภาวะการจ้างงานและราคาน้ำมันที่ลดลง 

จีน          
          ธนาคารกลางจีนจะพยายามสร้างเสถียรภาพของค่าเงินหยวน: รองประธาน PBOC ยืนยันที่จะทำงานเพื่อสร้างเสถียรภาพค่าเงินหยวน เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในตะกร้าเงิน พร้อมกับทางการจะปรับปรุงกรอบนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนตลาดเงินหยวนในต่างประเทศ และการบริการระหว่างประเทศ 

เอเชียแปซิฟิก
          BoJ ยืนยันพร้อมเพิ่มมาตรการหากจำเป็น: ประธาน BoJ นาย Kuroda ยืนยัน BoJ พร้อมที่จะเพิ่มมาตรการทางการเงิน หากมีความจำเป็น แต่ไม่ใช่แนวทางของการเพิ่มปริมาณเงิน (QE) ทั้งนี้ BoJ จะตรวจสอบความเสี่ยงของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและการขยายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 
          ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไต้หวันขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน: เพิ่มขึ้น 0.88% yoy ในเดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนที่ +1.90% yoy และดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +0.50% yoy ทั้งนี้ภาคการผลิตและเหมืองแร่ขยายตัว +1.58% และ +1.64% yoy ตามลำดับ
          ส่งออกญี่ปุ่นหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9: อีก -7.4% yoy ในเดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนที่ -11.3% yoy แต่ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัวเท่ากับเดือนก่อนที่ -11.3% yoy จากอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอตัว รวมถึงเงินเยนที่แข็งค่า โดยการส่งออกไปจีน, สหรัฐฯและอียูหดตัว 10%, 6.5% และ 0.4% yoy ตามลำดับ ด้านการนำเข้าลดลง 18.8% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลที่ระดับ 6.93 แสนล้านเยน

ไทย
           เอกชน 7 รายเข้าซื้อซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม: รฟม.ได้เปิดขายซองรถไฟ้าสายส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี ในส่วนของงานโยธาไปเมื่อวันที่15 ก.ค.59 จนถึงวันที่21ก.ค.59 รวม1สัปดาห์ ผลปรากฎว่ามีเอกชนสนใจซื้อซองประกวดราคาทั้งหมด 7 ราย ได้แก่ CK / STEC / ITD/ UNIQ/ NWR เป็นต้น ทั้งนี้รฟม.มีกำหนดขายซองราคาตั้งแต่วันที่ 15 - 29 ก.ค.นี้ และมีกำหนดยื่นซองในวันที่ 31 ต.ค.59 จากนั้นลงนามสัญญาจ้างเอกชนประมาณเดือน ม.ค. – ก.พ. 60 และเริ่มดำเนินการก่อสร้าง แบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 76,632 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 3,486 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 2,789 ล้านบาท ส่วนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 9,625 ล้านบาท
         
ท่องเที่ยวครึ่งปีหลังคาด 8 แสนล้านบาท: ททท. คาด ตลอด 6 เดือนนี้จะมี นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 17.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16% สร้างรายได้ 8.79 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรกเดือน ม.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 16.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% สร้างรายได้ 8.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ครึ่งปีหลังพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาคมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยเอเชียตะวันออกเติบโต 27% อาเซียน 7% อเมริกา 11% ยุโรป 9% เอเชียใต้ 6% โอเชียเนีย 2% ภาพการเติบโต ดังกล่าวเพราะมีปัจจัยหนุนจากการที่สายการบิน ต่างชาติหลายแห่ง เช่น กาตาร์ แอร์เวย์ส การบินไทย ฯลฯ ได้เปิดเส้นทางการบินใหม่เข้าสู่เมืองรอง ของประเทศไทยจำนวนมาก เช่น โดฮา-กระบี่ โดฮา-ย่างกุ้ง-เชียงใหม่ เป็นต้น

 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 25 ก.ค. 2559

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ก.ค. 2559 เวลา : 10:13:43

20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 9:01 pm